วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558

วันสารทจีน 2558 ตำนาน การไหว้ในเทศกาลสารทจีน / ADMIN - SJ (TONAN ASIA AUTOTECH)

วันสารทจีน 2558 ตำนาน การไหว้ในเทศกาลสารทจีน


วันสารทจีน หรือ เทศกาลสารทจีน  (Sart Chin Day or Ghost Festival or Spirit Festival) จะตรงกับวันเพ็ญ 15 ค่ำเดือน 7 ตามปีปฏิทินทางจันทรคติของจีน ปีปฏิทินทางจันทรคติของจีนโดยทั่วไปจะช้ากว่าปีปฏิทินทางจันทรคติของไทยประมาณ 2 เดือน หากพลิกดูปฏิทินที่มีทั้งระบบจันทรคติของไทย และของจีน จะเห็นว่า วันเพ็ญ 15 ค่ำเดือน 7 ของจีนนั้น ทางจันทรคติไทยกลับเป็น วันขึ้น 14 ค่ำเดือน 9
          เทศกาลสารทจีนถือเป็นวันสำคัญที่ลูกหลานชาวจีนจะแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ โดยพิธีเซ่นไหว้ และยังถือเป็นเดือนที่ประตูนรกเปิดให้วิญญาณทั้งหลายมารับกุศลผลบุญได้
          Zhongguo nongli qiyue shiwuri shi Zhongyuan Jie.
          จงกว๋อ หนงลี่ ชีเยฺว่ ฉือหวู่รื่อ ฉื้อ จงเยฺวี๋ยน เจี๋ย
          วันเพ็ญ 15 ค่ำเดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติจีน คือ วันเทศกาลจงเยฺวี๋ยน  วันเทศกาล Zhongyuanของจีน หรือที่เราเรียกว่า วันสารทจีน เป็นวันซึ่งทุกครอบครัวทำพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ดังนั้น บางครั้งชาวจีนจึงเรียกวันดังกล่าวว่า GuiJie กุ่ยเจี๋ย หรือ Wangren Jie หวางเหรินเจี๋ย
          Gui = ผี ซึ่งเป็นคำเรียกคนที่ถึงแก่กรรมแล้ว
          Wangren = คนที่ตายไปแล้ว
          Jie = เทศกาล
         GuiJie หรือ Wangren Jie จึงแปลว่า เทศกาลเซ่นไหว้ผู้ซึ่งล่วงลับไปแล้ว
          ชาวจีนเชื่อกันว่าวันเพ็ญ 15 ค่ำเดือน 7 เป็นวันซึ่งวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว จะได้กลับมาเยือนโลกมนุษย์เพื่อมาเยี่ยมครอบครัวของตน เพราะฉะนั้น ในวันนี้ชาวจีนจะทำพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษกันทุกครัวเรือน
ตำนานวันสารทจีน

ตำนานที่ 1
          ตำนานนี้กล่าวไว้ว่าวันสารทจีนเป็นวันที่เซ็งฮีไต๋ตี๋ (ยมบาล) จะตรวจดูบัญชีวิญญาณคนตาย ส่งวิญญาณดีขึ้นสวรรค์และส่งวิญญาณร้ายลงนรก ชาวจีนทั้งหลายรู้สึกสงสารวิญญาณร้ายจึงทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ ดังนั้นเพื่อให้วิญญาณร้ายออกมารับกุศลผลบุญนี้จึงต้องมีการเปิดประตูนรกนั่นเอง
ตำนานที่ 2
          มีชายหนุ่มผู้หนึ่งมีนามว่า “มู่เหลียน” เป็นคนเคร่งครัดในพุทธศาสนามาก ผิดกับมารดาที่เป็นคนใจบาปหยาบช้าไม่เคยเชื่อเรื่องนรก-สวรรค์มีจริง ปีหนึ่งในช่วงเทศกาลกินเจนางเกิดความหมั่นไส้คนที่นุ่งขาวห่มขาวถือศีลกินเจ นางจึงให้มู่เหลียนไปเชิญผู้ถือศีลกินเจเหล่านั้นมากินอาหารที่บ้านโดยนางจะทำอาหารเลี้ยงหนึ่งมื้อ
          ผู้ถือศีลกินเจต่างพลอยยินดีที่ทราบข่าวว่ามารดาของมู่เหลียนเกิดศรัทธาในบุญกุศลครั้งนี้ จึงพากันมากินอาหารที่บ้านของมู่เหลียนแต่หาทราบไม่ว่าในน้ำแกงเจนั้นมีน้ำมันหมูเจือปนอยู่ด้วย การกระทำของมารดามู่เหลียนนั้นถือว่าเป็นกรรมหนัก เมื่อตายไปจึงตกนรกอเวจีมหานรกขุมที่ 8 เป็นนรกขุมลึกที่สุดได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส
          เมื่อมู่เหลียนคิดถึงมารดาก็ได้ถอดกายทิพย์ลงไปในนรกภูมิ จึงได้รู้ว่ามารดาของตนกำลังอดอยากจึงป้อนอาหารแก่มารดา แต่ได้ถูกบรรดาภูตผีที่อดอยากรุมแย่งไปกินหมดและเม็ดข้าวสุกที่ป้อนนั้นกลับเป็นไฟเผาไหม้ริมฝีปากของมารดาจนพอง แต่ด้วยความกตัญญูและสงสารมารดาที่ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างสาหัสมู่เหลียนได้เข้าไปขอพญาเหงี่ยมล่ออ๊อง (ท้าวมัจจุราช) ว่าตนของรับโทษแทนมารดา
          แต่ก่อนที่มู่เหลียนจะถูกลงโทษด้วยการนำร่างลงไปต้มในกระทะทองแดง พระพุทธเจ้าได้เสด็จลงมาโปรดไว้ได้ทัน โดยกล่าวว่ากรรมใดใครก่อก็ย่อมจะเป็นกรรมของผู้นั้นและพระพุทธเจ้าได้มอบคัมภีร์อิ๋ว หลันเผิน ให้มู่เหลียนท่องเพื่อเรียกเซียนทุกทิศทุกทางมาช่วยผู้มีพระคุณให้หลุดพ้นจากการอดอยากและทุกข์ทรมานต่างๆ ได้ โดยที่มู่เหลียนจะต้องสวดคัมภีร์อิ๋ว หลันเผินและถวายอาหารทุกปีในเดือนที่ประตูนรกเปิดจึงจะสามารถช่วยมารดาของเขาให้พ้นโทษได้
          นับแต่นั้นเป็นต้นมา ชาวจีนจึงได้ถือเป็นประเพณีปฏิบัติสืบต่อมากันโดยตลอดด้วยการเซ่นไหว้ โดยจะนำอาหารทั้งคาวหวาน และกระดาษเงินกระดาษทองไปวางไว้ที่หน้าบ้านหรือตามทางแยกที่ไม่ไกลนัก มีนัยว่าเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของบรรดาวิญญาณเร่ร่อนที่กำลังจะผ่านมาใกล้ที่พักของตน

กิจกรรมวันสารทจีน
          ชาวจีนเชื่อกันว่าวันเพ็ญ 15 ค่ำเดือน 7 เป็นวันซึ่งวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว จะได้กลับมาเยือนโลกมนุษย์เพื่อมาเยี่ยมครอบครัวของตน เพราะฉะนั้น ในวันนี้ชาวจีนจะทำพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษกันทุกครัวเรือน กิจกรรมหลักคือ
          Shao zhiqian  ฌาว จื่อเฉียน เผากระดาษเงินกระดาษทอง
          การเผากระดาษเงินกระดาษทองให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปนั้น ก่อนเผากระดาษ ต้องนำหินปูนมาขีดเป็นวงกลมซ้อนกัน 3-4 วงตรงลานบ้านที่จะใช้เผากระดาษ แล้วนำกระดาษเงินกระดาษทองวางไว้ให้อยู่ในวงกลมวงในสุดที่ขีดไว้ ด้วยความเชื่อว่าวงกลมที่วงไว้โดยรอบจะกันมิให้ผีไร้ญาติมาแย่งชิงเอากระดาษเงินกระดาษทองไปได้ หลังจากนั้นจึงเผากระดาษเงินกระดาษทองที่เตรียมไว้ ขณะที่เผาก็กล่าวเชิญบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปให้มารับเงินทองที่เผาไปให้โดยต้องพูดแบบไม่ขาดปากว่า
          lai lingqian.
          XX ไหล หลิ่ง เฉียน
          XX มารับเงินด้วย
          (XX คือให้เติมชื่อผู้ตาย หรือคำเรียก เช่น คุณปู่ คุณย่า ฯลฯ)
          หลังจากเผากระดาษเงินกระดาษทองที่อยู่ในเส้นวงกลมหมดแล้ว ยังต้องนำกระดาษเงินกระดาษทองอีกชุดหนึ่งมาวางไว้นอกเส้นวงกลม แล้วเผาเพื่อแผ่ส่วนบุญให้แก่ผีไร้ญาติ
          กิจกรรมวันสารทจีนที่ทำในแต่ละถิ่นของจีน ไม่ได้เป็นรูปแบบเดียวกันทั่วประเทศ คนจีนในบางถิ่นจะไปทำพิธีเซ่นไหว้ที่สุสานของบรรพบุรุษในตอนบ่าย บางถิ่นก็ทำพิธีเซ่นไหว้ที่บ้าน แต่สิ่งที่ขาดมิได้ก็คือ ทุกครัวเรือนไม่ว่าจะยากดีมีจน ต้องจัดอาหารอย่างดีโต๊ะหนึ่งเซ่นไหว้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ถือเป็นการเลี้ยงส่งก่อนที่วิญญาณผู้ล่วงลับทั้งหลายจะกลับไปยังภพของตน ดังนั้น จึงเรียกการจัดอาหารเซ่นไหว้นี้ว่า
          Song Wangren
          ซ่ง หวางเหริน
          ส่งผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว
อาหารที่จัดเซ่นไหว้วันสารทจีน นอกจากหมูเห็ดเป็ดไก่แล้ว มักมีอีก 4 อย่าง คือ
          1. baozi เปาจึ  ซาลาเปา
          2. jiaozi เจี่ยวจือ  เกี๊ยวแบบเกี๊ยวจีน
          3. mantou หมานโถว  หมั่นโถว
          4. pingguo ผิงกว่อ แอปเปิล



          ในสมัยก่อน เมื่อยังเป็นสังคมเกษตรกรรม สิ่งที่ทุกครัวเรือนทำในวันนี้อีกสิ่งหนึ่งคือ การนำกิ่งธัญพืช 5 อย่าง เช่น ข้าว ข้าวสาลี ข้าวฟ่าง ลูกเดือย ถั่ว มาผูกรวมเป็นพู่ แล้วปักไว้เหนือประตูหน้าบ้าน โดยถือว่าพู่ธัญพืช 5 อย่างนี้ เป็นสัญลักษณ์แทนม้า เพื่อว่าเมื่อเสร็จพิธีเซ่นไหว้ และการเลี้ยงส่งแล้ว บรรพบุรุษก็จะได้ขี่ม้ากลับไป เป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่บรรพบุรุษของตน พู่ที่ใช้ในพิธีวันสารทจีน เรียกว่า
          wugu suizi หวูกู่ ซุ่ยจึ พู่ที่ทำด้วยธัญพืช 5 อย่าง
การไหว้ในเทศกาลสารทจีน
          การไหว้เจ้าที่ จะไหว้ก่อนในตอนเช้า เผากระดาษเงินกระดาษทองจนเรียบร้อย สายๆ จึงตั้งโต๊ะไหว้บรรพบุรุษและไหว้ฮ้อเฮียตี๋ บางบ้านนิยมไหว้ตอนบ่าย ถ้าไหว้พร้อมกัน ให้ตั้งโต๊ะแยกจากกัน แต่เผากระดาษเงินกระดาษทองร่วมกันได้  การไหว้ในเทศกาลสารทจีนต่างจากการไหว้ในเทศกาลอื่นๆ ตรงที่แบ่งการไหว้ออกเป็น 3 ชุด
          1. ชุดสำหรับไหว้เจ้าที่  จะไหว้ในตอนเช้า มีอาหารคาวหวาน ขนมที่ไหว้ก็ขนมถ้วยฟู กุยช่าย ส่วนขนมไหว้พิเศษที่ต้องมีซึ่งเป็นประเพณีของสารทจีนคือขนมเทียน ขนมเข่ง ซึ่งต้องแต้มจุดสีแดงไว้ตรงกลาง เนื่องจากชาวจีนมีความเชื่อที่ว่าสีแดงเป็นสีแห่งความเป็นศิริมงคล นอกจากนั้นก็มีผลไม้ น้ำชา หรือเหล้าจีน และกระดาษเงินกระดาษทอง
          2. ชุดสำหรับไหว้บรรพบุรุษ คล้ายของไหว้เจ้าที่พร้อมด้วยกับข้าวที่บรรพบุรุษชอบ ตามธรรมเนียมต้องมีน้ำแกงหรือขนมน้ำใสๆ วางข้างชามข้าวสวย และน้ำชาจัดชุดตามจำนวนของบรรพบุรุษ ขาดไม่ได้ก็คือขนมเทียน ขนมเข่ง ผลไม้และกระดาษเงินกระดาษทอง
         3. ชุดสำหรับไหว้วิญญาณเร่ร่อนหรือวิญญาณไม่มีญาติ วิญญาณเร่ร่อนหรือวิญญาณไม่มีญาติ เรียกว่า ไป๊ฮ๊อเฮียตี๋ แปลว่า ไหว้พี่น้องที่ดี เป็นการสะท้อนความสุภาพและให้เกียรติของคนจีน เรียกผีไม่มีญาติว่าพี่น้องที่ดีของเรา โดยการไหว้จะไหว้นอกบ้านของไหว้จะมีทั้งของคาวหวานและผลไม้ตามต้องการและที่พิเศษคือมีข้าวหอมแบบจีนโบราณ คอปึ่ง เผือกนึ่งผ่าซีกเป็นเสี้ยวใส่ถาด เส้นหมี่ห่อใหญ่ เหล้า น้ำชา และกระดาษเงินกระดาษทองจัดทุกอย่างวางอยู่ด้วยกันสำหรับเซ่นไหว้
ขนมที่ใช้ไหว้วันสารทจีน
          ในสมัยโบราณชาวจีนใช้ขนมไหว้ 5 อย่าง เรียกว่า โหงวเปี้ย หรือเรียกชื่อเป็นชุดว่า ปัง เปี้ย หมี่ มั่ว กี
          1. ปัง คือขนมทึงปัง เป็นขนมที่ทำมาจากน้ำตาล
          2. เปี้ย คือขนมหนึงเปี้ย คล้ายขนมไข่
          3. หมี่ คือขนมหมี่เท้า ทำมาจากแป้งข้าวเจ้าข้างในไส้เต้าซา
          4. มั่ว คือขนมทึกกี่ เป็นขนมข้าวพองสีแดงตรงกลางมีไส้เป็นแผ่นบาง
          5. กี คือขนมทึงกี ทำเป็นชิ้นใหญ่ยาว เวลาจะกินต้องตัดเป็นชิ้นเล็กๆ
          แต่ชาวไทยเชื้อสายจีนใช้ขนมเทียน ขนมเข่งในการไหว้ โดยหลักของที่ไหว้ก็จะมีของคาว 3 หรือ 5 อย่าง เช่น ไก่ หมู เป็ด ไข่ หมึก ปลา เป็นต้น ของหวาน 3 หรือ 5 อย่าง เช่น ขนมเทียน ขนมมัดไต้ ขนมถ้วยฟู หรือขนมสาลี่ปุยฝ้าย ขนมเปี๊ยะ ส้ม หรือผลไม้ตามใจชอบ
         ประเพณีสารทจีนนอกจากจะเป็นประเพณีที่ลูกหลานจะแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษซึ่งล่วงลับไปแล้ว ยังเป็นประเพณีที่มีกุศโลบายในการสนับสนุนให้ทุกคนในครอบครัวทำกิจกรรมร่วมกันอย่างพร้อมหน้าและมีความสุข
ขอบคุณข้อมูลจาก

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2558

บุกเมืองหิมะตะลุยชิม 10 ร้านดัง ที่ Snow Town Bangkok / ADMIN - SJ (TONAN ASIA AUTOTECH)

บุกเมืองหิมะตะลุยชิม 10 ร้านดัง ที่ Snow Town Bangkok

ยินดีต้อนรับสู่ฤดูหนาว กลางใจเมือง กับ เมืองหิมะแห่งใหม่ ที่บอกได้เลยว่ากำลังเป็นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะ ไม่ว่าจะ กิน เที่ยว เล่น มีอยู่ใน Snow Town Bangkok หมดแล้ว และแน่นอน FoodMThai บุกเมืองหิมะทั้งที ไม่พลาดที่จะหาร้านเด็ดๆ มาแนะนำแน่นอน และต้องบอกตรงนี้เลยว่า Snow Restaurant นั้น คัดแต่ร้านเด็ดที่มีชื่อเสียงจาก ญี่ปุ่น มาเปิดสาขาแรกในใน Snow Town Bangkok อีกด้วย ถ้าพร้อมแล้วเราไป บุกเมืองหิมะตะลุยชิม 10 ร้านดัง ที่ Snow Town Bangkok กันเลยครับ
001
1. Yamato Nadeshiko
0002
สำหรับผู้ชื่นชอบราเมน แบบญี่ปุ่น ต้องไปลอง ยามาโตะ นาเดชิโกะ ยามาโตะ ตัวแทนของความเร่าร้อนดั่งรสชาติของน้ำซุปกระดูกหมู นาเดชิโกะ ตัวแทนของความอ่อนโยน ดั่งรสชาติของซุปแบบเกลือและโชยุของราเมนเท็มปุระที่ทอดด้วยศิลปะการทอดแบบญี่ปุ่น จากสุดยอดเชฟที่มาเสิร์ฟรสชาติญี่ปุ่นแท้ๆแบบไม่มีใครเหมือน และ ชาม ดงบุริ ที่บอกเล่าถึงประเพณีแสนงดงามของญี่ปุ่น และยังมีเท็มปุระที่ทอดด้วยศิลปะการทอดแบบญี่ปุ่น โดยสุดยอดเชฟที่มาเสิร์ฟรสชาติญี่ปุ่นแท้ๆแบบไม่มีใครเหมือน นอกจากอาหารแล้วพนักงานยังสวมชุดยูกาตะในการให้บริการอีกด้วย
2. KOKUBO Rock Ice
0003
ไปลิ้มลองความหวานแบบดั้งเดิมที่มาจากฮอกไกโดกันที่ร้าน KOKUBO Rock Ice  ร้านขนมหวานรสชาติดั้งเดิมที่ผลิตด้วยส่วนผสมที่มาจากฮอกไกโด ไม่ว่าจะเป็นชูครีมรสละมุน และเครปเค้กที่ผลิตจากวัตถุดิบชั้นดี สดใหม่บอกได้เลยว่าร้าน KOKUBO Rock Ice คนรักขนมหวาน ไม่ควรพลาดครับ
3. Ice is jiro
d569bcd1e40695ca82d1f332cf0c1d0a
ร้านน้ำแข็งใสนุ่มลิ้นรสเลิศจากญี่ปุ่น เมนูแนะนำคือ น้ำแข็งใสราดน้ำเชื่อม รสมัทฉะ ที่ใช้ชาเขียวจากอำเภออุจิ เมืองโตเกียวน้ำแข็งใสอันนุ่มลิ้นยอดนิยมจากญี่ปุ่น มีมาให้ท่านลองลิ้มชิมรสถึงไทยแล้ว รสชาติมีให้เลือกทั้งรสมัทฉะ จากใบชาเขียวแท้ต้นตำรับจากอำเภออุจิ เมืองเกียวโต หรือ รสแป้งถั่วเหลือง ที่ทำจากถั่วเหลืองแท้แสนอร่อยจากญี่ปุ่น นอกจากนั้นยังมีรสผลไม้ทั้งสตรอเบอรี่หรือมะม่วงที่ใช้ผลไม้สดเป็นแบบแฮนด์ เมดทั้งหมด อีกด้วย
4. SNOW MIKU Café
004

คอมมิวนิตี้คาเฟ่สำหรับคนรักมังกะ อะนิเมะแห่งแรกของเมืองไทย Snow Miku Sky Town เปิดให้บริการแล้ว! (ก.ค. 2558- มิ.ย. 2559) ที่นี่ที่เดียวที่มีทั้ง อาหาร และเครื่องดื่ม ที่มีเอกลักษณ์ของมิกุ นอกจากนั้นยังมีสินค้าอื่นๆ ทั้งภาพวาดมิกุ หุ่นปั้นมิกุขนาดยักษ์! คอนเทนส์อื่นๆนอกจากมิกุก็มีเช่นกัน ในแต่ละเดือน จะมีการคัดเลือก MVP จากการแข่งขัน แต่งคอสเพลย์ และวาดภาพ เพื่อไปท่องเที่ยว และถ่ายภาพ ลงนิตยสารญี่ปุ่น ซึ่งผลโหวตจะมาจาก “ลูกค้าในร้าน” เท่านั้น ภายในยังมีการ์ตูนโดจินญี่ปุ่นกว่า 500 เล่ม ให้อ่านแบบไม่อั้นอีก ในวันธรรมดา จะมีกิจกรรม เช่น การถ่ายภาพคอสเพลย์ งานขายผลงานวาดเอง เป็นต้น SNOW MIKU Café มังกะเนีย ผู้ที่ชื่นชอบเกม การ์ตูน มังกะ และการแต่งคอสเพลย์ ไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด
5. HANA HANA
005สนุกสนานไปกับการรับประทานอาหารในบรรยากาศสุดแสนน่ารักที่ Snow Town Bangkok ไม่ว่าจะเป็นเมนู ซุปอุ่นๆ หรือมันฝรั่งทอดกรอบแสนอร่อย แวะมาดื่มด่ำบรรยากาศสุดน่ารักกันได้ที่นี่ HANA HANA
6. Meat Sapporo
0004 copy

ครั้งแรกในเมืองไทยกับร้านอาหารที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของเนื้อวัวเป็นพิเศษ เนื้อเจงกิสข่านชื่อดังจากฮอกไกโด ที่ประเทศญี่ปุ่น อาหารที่หมักรัมเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่มีชื่อเสียงมาก ด้วยการหมักที่มีคุณภาพ ทำให้เนื้อมีความอ่อนนุ่ม อร่อยติดลิ้นไม่รู้ลืม ใครอยากลองความอร่อยสุดฟินแบบต้นตำหรับ ฮอกไกโด ต้องมาลิ้มลองความอร่อย ที่ Meat Sapporo ได้เลยครับ
7. Nihonnichi Ekamai
0006 ร้านเหล้าอิซากานะสไตล์ญี่ปุ่น ที่ส่งตรงวัตถุดิบมาจากฮอกไกโด พร้อมให้ทุกท่านสัมผัสบรรยากาศแบบฮอกไกโดแท้ๆจากอาหารที่สดใหม่แสนน่ารับประทาน Nihonnichi Ekamai ยังมีความเชี่ยวชาญด้านปูเป็นพิเศษ โดยเฉพาะไข่ม้วนโรยเนื้อปู เมนูเด็ดของทางร้าน นอกจากนั้น ยังมีซาชิมิสดใหม่ ที่เก็บด้วยระบบเก็บความเย็นเฉพาะตัวที่ต้องมาลองให้ได้ครับ
8. AjiNo Tokeidai
0009
Aji no Tokeidai เปิดให้บริการมาอย่างยาวนานที่ ฮอกไกโด ตัวแทนแห่งราเมนของซัปโปโร ที่มีประวัติศาสตร์แห่งมิโซะราเมน ซึ่งได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในประเทศญี่ปุ่น โดยปัจจุบันมีสาขากว่า 50 สาขาทั่วประเทศญี่ปุ่น อยากให้มาลิ้มลองความอร่อยกับราเมนหลากหลายรสชาติ ทั้งมิโซะราเมนที่ขึ้นชื่อ และโชยุราเมนที่รับรองเลยว่าต้องติดใจหาเวลากลับมาทานซ้ำแน่นอนครับ
9. Steak No Don
0007
แล้วคุณจะลืมความอร่อยเดิมๆของเสต็กและแฮมเบอร์เกอร์ เมื่อได้มาลองกินที่ Steak no Don
เมนูหลักเสต็กและเนื้อแฮมเบอร์เกอร์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จากกว่า 71 สาขาในประเทศญี่ปุ่น ที่บินตรงมาเปิดสาขาที่ประเทศไทยเป็นที่แรก เพื่อเสิร์ฟความอร่อยให้คนไทยได้ลิ้มรสกันถึงที่ รวมไปถึงเมนูซีฟู๊ดสุดพิเศษที่ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็สามารถรับ ประทานได้ทุกคน ที่สำคัญยังสามารถเติมข้าว ขนมปัง และซุปเพิ่มได้อีกด้วย
10. Snow Mart
0005
ร้านอาหารไทยร้านเดียว ใน Snow Town Bangkok ที่มีครบรสทั้งอาหารคาว หวาน ให้เลือกอิ่มท้องและด้วยบรรยากาศเป็นกันเองในสไตล์ตลาดที่คุณคุ้นเคย Snow Mart มีอาหารให้เลือกหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น อาหารจานเดียว ของทานเล่นหรือของหวาน เป็นอีกหนึ่งร้าน ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมา Snow Town Bangkok
หลังจากอิ่มเอม ในบรรยากาศ เย็นสบาย ในเมืองหิมะกันแล้ว ที่ Snow Town Bangkok ยังมี กิจกรรม ในลานหิมะ Snow Play Ground หรือใครชอบขีดๆเขียน ก็ร่วมกิจกรรมกับทาง TeamLab IsLands Sketch Townได้ สถานที่ดีๆ มีกิจกรรมให้ทำทั้งครอบครัว แถมยังมีของอร่อยๆ ให้เลือกอิ่มอร่อย มากมายแบบนี้ สุดสัปดาห์นี้ ถ้าไม่ได้ไปไหน ชวนกันไปหาอะไรทานกันได้ที่ Snow Town Bangkok เลยครับ รับรอง อร่อยทุกร้านFoodMThai รับประกันความอร่อยตามเคย

ข้อมูลร้าน
ที่อยู่
ชั้น 5 ศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัย 982/22 ถนนสุขุมวิท พระโขนง
คลองเตย กรุงเทพฯ 10110
โทรศัพท์
095-5476870
ย่าน
เอกมัย
จังหวัด
-
เว็บไซต์
www.snowtown.co.th
เวลาเปิด,ปิด
10.00-22.00
บัตรเครดิต
ไม่รับบัตรเครดิต
โปรโมชั่น
ไม่มี
ประเภทอาหาร
ไม่ระบุ
ที่จอดรถ
มีที่จอดรถ
คะแนน
star

           ขอขอบคุณที่มา

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

15 เรื่องแปลกแต่จริงที่ไม่น่าเป็นไปได้ / Admin SD (Tonan Asia Autotech)

15 เรื่องแปลกแต่จริงที่ไม่น่าเป็นไปได้



 1. ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก 
ส่วนใหญ่เราต้องตอบว่า " ยอดเขาเอเวอเรสต์ " แต่ จริงๆ แล้วไม่ใช่ ที่ถูกต้องคือ "ยอดเขามัวนาเคีย ( Mauna Kea)" ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของหมู่เกาะฮาวาย ถ้าวัดจากตีนเขา ซึ่งอยู่ที่ระดับพื้นดินใต้ทะเลจะสูงถึง 10,200 เมตร ทั้งๆที่ยอดเขาเอเวอเรสต์สูงแค่ 8,848 เมตรนั่นเอง


2. สถานที่ใดแห้งแล้งที่สุดในโลก
ทวีป แอนตาร์กติกา ที่ขั้วโลกใต้ พื้นที่บางส่วนของทวีปนี้ ไม่มีฝนตกมาประมาณ 2 ล้านปีแล้ว พื้นที่บางส่วนของที่นี่ไม่มีหิมะ ปราศจากน้ำแข็งและไม่มีฝนตกมาเลย เรียกว่า หุบเขาแห้ง( Dry Valley )เรียกได้ว่าแห้งแล้งกว่าทะเลทรายซาฮาร่า 250 % เลยทีเดียว





3. อะไรคือสิ่งที่มีขนาดใหญ่สุดที่วาฬสีน้ำเงินจะกลืนได้
มันคือ ขนาดของ ส้มหนึ่งผล ส่วน สิ่งที่เล็กที่สุดที่วาฬจะกลืนได้ คือ ฝุ่นทรายใต้ทะเล




 4. สัตว์ชนิดใดอันตรายที่สุดตั้งแต่เคยมีมา 
ครึ่งหนึ่งของมนุษย์ที่เสียชีวิต ประมาณ 45,000 คน ถูกฆ่าด้วยน้ำมือของ ยุงเพศเมีย




 5. โลกมีดวงจันทร์เป็นบริวารกี่ดวง
อย่างน้อย 7 ดวงซึ่งมีอยู่ดวงเดียวที่เรามองเห็น




 6. แสงเดินทางด้วยความเร็วเท่าใด
คำตอบคือไม่แน่นอน มีแต่ในภาวะสุญญากาศเท่านั้นที่แสงจะเดินทาง ด้วยความเร็วเกือบ 300,000 กม. ต่อวินาทีได้ ในตัวกลางอื่นๆแสงจะเปลี่ยนความเร็วไปอย่างมาก



7. อูฐเก็บอะไรไว้ในโหนกของมัน 
ที่เก็บไว้คือ ไขมัน โหนกของอูฐไม่ได้เก็บน้ำไว้น้ำจะอยู่ตามร่างกายอูฐ




8. สิ่งที่ก่อสร้างโดยฝีมือมนุษย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก 
หาก ถ้าเราตอบว่า "พีระมิด หรือ กำแพงเมืองจีน" จริงๆ แล้วไม่ใช่ สิ่งที่ถูกต้องคือ เฟรชคิลล์ เกาะสำหรับทิ้งขยะในนิวยอร์ก ซึ่งเป็นเกาะที่ชาวอเมริการ่วมกันสร้าง สันนิษฐานว่าอีก 10 ปี ข้างหน้า จะใหญ่กว่าทวีปออสเตรเลียซะอีก เพราะรวมขยะทั่วโลกกองกันไว้ที่นั่น




9. สิ่งมีชีวิตใดที่มีโอกาสจะรอดชีวิตจากนิวเคลียร์มากที่สุด 
แมลงสาบเป็นคำตอบที่ผิด ประเด็นที่น่าสนใจคือทำไมพวกเราจึงเชื่อว่าแมลงสาบมีโอกาสรอดที่สุด  นักวิทยาศาสตร์ 2 คนนำแมลงหลากหลายชนิดไปทดสอบกับปริมาณรังสีนิวเคลียร์ในหน่วย แรด (rad) มนุษย์จะตายเมื่อมีรังสี 1000 แรด แมลงสาบ 20 000 แรด แมลงวันผลไม้อยู่ที่ 64000 ขณะที่ตัวต่อจะตายในปริมาณ 180000 แรด ส่วนผู้ที่ครองอันดับหนึ่งคือ แบคทีเรียชื่อไดโนคอดคัส เรดิโอ




 10. สิ่งใดที่ทำให้ตัวอสุจิของผู้ชายคึกคักได้
กลิ่นดอกลิลลี่แห่งหุบเขา ( lilly of the valley)



11. สัตว์อะไรขึ้นสู่อวกาศเป็นตัวแรก 
แมลงวันผลไม้ ขึ้นไปกับจรวด V2 ไม่ใช่สุนัขที่ชื่อ "ไลก้า"




12. คนที่ล่องเรือไปรอบโลกคนแรก
เฮนรี่ เดอะ แบล็ก แต่ไม่มีใครทราบเพราะไปอย่างลึกลับ แต่มีคนไปพบศพที่เกาะแห่งหนึ่งอยู่ที่แหลมของขั้วโลกใต้




13. สัตว์ชนิดใดมีความยาวที่สุดในโลก 
หลายคนตอบว่าต้องเป็นวาฬสีน้ำเงิน แต่จริงๆ ไม่ใช่ แต่เป็น หนอนริบบิ้น ซึ่งถ้ามาวัดขนาด จะยาวกว่าวาฬสีน้ำเงินถึง 11 เท่า



14. จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณตัดไส้เดือนออกเป็น 2 ท่อน
ก็ได้แค่ซากไส้เดือนตายนะสิ บางครั้งส่วนหัวอาจมีชีวิตอยู่ แต่คุณไม่ได้ไส้เดือน 2 ตัวจากการแบ่งหรอก





15. เสียงอะไรดังที่สุดในมหาสมุทร 
มันคือ ฝูงกุ้ง ซึ่งดังกว่าเสียงต่างๆ ในทะเลถึง 7 เท่า


ขอขอบคุณแหล่งที่มา : http://webboard.sanook.com/forum/?topic=3672185

ลา โทมาทินา ครบรอบ 70 ปี งานเทศกาล ปามะเขือเทศ/ ADMIN - SJ (TONAN ASIA AUTOTECH)

ลา โทมาทินา ครบรอบ 70 ปี งานเทศกาล ปามะเขือเทศ

ลา โทมาทินา คืออะไร วันนี้มีโลโก้แปลกๆ อีกแล้ว มารู้จัก ลา โทมาทินา กันเถอะ
วันนี้เป็นวันครบรอบ 70 ปี งานเทศกาล ลา โทมาทินา หรือ ลา โตมาตินา มันคือเทศกาลปามะเขือเทศของสเปน (La Tomatina en España) นั่นเอง
สำหรับงานนี้จะจัดเป็นประจำทุกปี ของทุกวันพุธสุดท้ายของเดือนสิงหาคม จัดที่หมู่บ้านบาเลนเซียน (Valencian) ของ Buñol ในจังหวัดบาเลนเซีย (Valencia) ประเทศสเปน
La Tomatina

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เครื่องดื่มตามกรุ๊ปเลือด ที่คุณควรรู้ / ADMIN - SJ (TONAN ASIA AUTOTECH)

เครื่องดื่มตามกรุ๊ปเลือด ที่คุณควรรู้

ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น ไม่เพียงอาหารที่จะต้องเลือกรับประทานเท่านั้น การเลือกเครื่องดื่ม ก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายกว่า ดังนั้น เราควรคัดสรรเครื่องดื่มที่มีคุณค่าและประโยชน์ ต่อร่างกาย แต่ถ้าจะดื่มให้ได้ประโยชน์กว่านั้น แนะนำให้ดื่มตามกรุ๊ปเลือดค่ะ เพราะมีข้อพิสูจน์ทั้งทางการแพทย์ แผนตะวันตกและตะวันออกแล้วว่า ส่วนผสมที่แตกต่างกันมีผลต่อกรุ๊ปเลือดนั้นๆ โดยตรง ซึ่งแต่ละกรุ๊ปเลือดก็มีความต้องการสารอาหารที่ต่างกัน

กรุ๊ป O

เป็น กรุ๊ปเลือดกลุ่มแรกของมนุษย์ ซึ่งยุคนั้นมนุษย์ดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์ ร่างกายมีน้ำย่อยที่มีความเป็นกรดสูง ดังนั้น สุขภาพของคนกรุ๊ปโอจะดีเมื่อได้รับอาหารประเภทโปรตีน ส่วนผักผลไม้ที่เหมาะสม ได้แก่ แครอท สาหร่ายสด บีทรูทต้มสุก มะเขือเทศ ฟักทอง งาสองสี

กรุ๊ป A

เกิด ขึ้นในยุคที่เริ่มทำเกษตรกรรม ทำให้มนุษย์กินอาหารประเภทโปรตีนลดลง คนกรุ๊ปเอจึงเหมาะกับอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตมากกว่าโปรตีน ผลไม้ที่ไปได้ดีกับเลือดกรุ๊ปนี้คือ ถั่วแดง กล้วย ฯลฯ ส่วนผสมของเครื่องดื่มสุขภาพที่เหมาะ ได้แก่ ถั่วแดงหลวง แตงโม  แคนตาลูป  ลูกพรุน  กล้วย โยเกิร์ต น้ำผึ้งและน้ำมะนาว นำมาปั่นรวมกันปรุงรสตามชอบได้

กรุ๊ป B

เป็น กรุ๊ปเลือดที่เกิดขึ้นในยุคที่การล่าสัตว์และการเพาะปลูกมีอัตราสมดุลกันมาก ขึ้น กรุ๊ปนี้จึงกินได้หลากหลายทั้งโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต ผักผลไม้ที่ควรเลือกคือ ถั่วเหลือ กล้วยหอม น้ำผึ้ง  น้ำราสพ์เบอร์รี่ กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่

กรุ๊ป AB

จะมีข้อจำกัดในการรับประทาน และดื่มมากกว่ากรุ๊ปอื่นๆ เพราะมีกรดในกระเพาะน้อยเหมือนกรุ๊ปเอ แต่ก็ต้องการโปรตีนเหมือนคนกรุ๊ปบีส่วนผักผลไม้ที่เหมาะ ได้แก่ เสาวรส กีวี่ และแอปเปิ้ล และผลไม้กลุ่มเบอร์รี่ต่างๆ
นอกจากนี้ในวงการ แพทย์แผนไทย ได้มีการแนะนำน้ำสมุนไพรและประยุกต์นำเอาธรรมชาติมาใช้รักษาร่างกายจากโรค ภัยต่างๆ หรือการปรับสมดุลของร่างกายของธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ การดื่มน้ำสมุนไพรตามหลักทฤษฎีการแพทย์แผนไทยสามารถกระทำได้โดยการดื่มตาม เวลาใน 1 วัน ที่ธาตุในร่างกายของคนเราเปลี่ยนแปลงไป (กาลสมุฏฐาน)โดยมีการแบ่งเวลาดังนี้

เวลา 06.00 – 10.00 น. และ 8.00 – 22.00 น.

ร่างกาย มักเจ็บป่วยด้วยธาตุน้ำ น้ำสมุนไพรที่ช่วยบำรุง และปรับสมดุลธาตุน้ำ ได้แก่ น้ำสมุนไพรที่มีรสเปรี้ยว เช่น น้ำส้ม น้ำฝรั่ง น้ำมะนาว

เวลา 10.00 – 14.00 น. และ 22.00 – 02.00 น.

ร่างกายมักจะเจ็บป่วยด้วยธาตุไฟ น้ำสมุนไพรที่ช่วยบำรุง และปรับสมดุลธาตุไฟ ได้แก่ น้ำสมุนไพรที่มีรสขม เช่น น้ำบัวบก น้ำลูกเดือย

เวลา 14.00 – 18.00 น. และ 02.00 – 06.00 น.

ร่างกายมักเจ็บป่วยด้วยธาตุลม น้ำสมุนไพรที่ช่วยบำรุง และปรับสมดุลธาตุลม ได้แก่ น้ำสมุนไพรที่มีรสเผ็ดร้อน เช่น น้ำขิง น้ำตะไคร้

ไม่มีกำหนดช่วงเวลา

สำหรับ ธาตุดินนั้นการเจ็บป่วยไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา แต่จะเกิดผลของการผิดปกติของธาตุอื่น ดังนั้นการดื่นน้ำสมุนไพร เพื่อบำรุงธาตุดินสามารถ ทำในเวลาใดก็ได้ น้ำสมุนไพรที่ช่วยบำรุง และปรับสมดุลธาตุดิน เช่น น้ำมะพร้าว น้ำแห้ว
อย่างไร ก็ดี ไม่ได้มีรายงานการวิจัยเรื่องการดื่มเครื่องดื่มตามกรุ๊ปเลือดและตามธาตุ อย่างชัดเจน แต่การรับประทานผักผลไม้ก็ไม่ได้มีผลเสียอะไรต่อร่างกาย ก็ไม่ผิดที่จะทดลองทำดู ถ้าคุณกำลังควบคุมน้ำหนักก็ระมัดระวังเรื่องปริมาณน้ำตาลไว้เป็นพอ และควรเดินทางสายกลาง ไม่ควรทำแบบสุดโต่ง ใครแนะนำว่าดีก็ทำอยู่อย่างนั้น จงใช้สติในการเลือกปฏิบัติ ตามสภาพร่างกายและการใช้ชีวิตของเราจะดีกว่า
ขอบคุณที่มา 

Credit: นิตยสาร เปรียว, EDU Zones

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ผื่นบอกโรค / ADMIN - SJ (TONAN ASIA AUTOTECH)

ผื่นบอกโรค 


เวลาที่เป็นไข้อย่างเดียว เรามักจะไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่ อาจจะแค่ดื่มน้ำ พักผ่อนให้มากขึ้น หรือรับประทานยาแก้ไขแล้วก็แล้วกัน แต่เมื่อไหร่ที่เป็นไข้ออกผื่นนีสิ ชักจะสร้างความกังวลอยู่ไม่น้อยเพราะอาการไข้ร่วมกับผื่นบ่งบอกได้ถึงหลายโรค ไม่ว่าจะเป็นโรคหัด หัดเยอรมัน อีสุกอีใส แต่บางทีอาจเป็นแค่ส่าไข้เท่านั้น

ถ้าเช่นนั้นเราลองมาดูกันหน่อยดีไหมครับ ว่าไข้หรือผื่นของแต่ละโรคมีข้อสังเกตอย่างไร จะได้พอเป็นแนวทางว่าโรคใดควรปฏิบัติตัวอย่างไร หรือโรคใดบ้างที่ควรรีบไปพบแพทย์

หากผื่นมีลักษณะเป็นตุ่มนูนใสกระจายทั่วตัว มีอาการคัน และขึ้นพร้อม ๆ กับวันที่เริ่มมีไข้ หรือหลังจากมีไข้หนึ่งวันและขึ้นไม่พร้อมกันทั้งตัว บริเวณที่ขึ้นใหม่เห็นเป็นผื่นแดงราบหรือตุ่มใส ขณะที่บางที่ซึ่งเป็นก่อนเริ่มกลัดหนองหรือตกสะเก็ดให้นึกถึง โรคอีสุกอีใส เห็นไหมครับ ชื่อโรคออกจะตรงตัว คือมีทั้งตุ่มสุกและตุ่มใสอยู่ที่ตัวคนป่วยในเวลาเดียวกัน

โดยทั่วไปเมื่อเป็นโรคอีสุกอีใส ไม่จำเป็นต้องพบแพทย์นะครับ เพียงรับประทานยาลดไข้ ทาคาลาไมน์โลชั่นบริเวณที่เป็นผื่น และพยายามอย่าเกา เพราะจะทำให้ตุ่มติดเชื้อแบคทีเรียกลายเป็นหนอง พักผ่อนให้มาก ๆ และถ้ามีไข้สูงห้ามอาบน้ำเย็น แค่นี้ก็พอแล้วครับ เพราะโรคนี้หายได้เอง ยกเว้นถ้าเป็นรุนแรง มีอาการหอบ ชัก หรือซึมไม่รู้ตัว ให้รีบส่งโรงพยาบาลด่วน

ที่สำคัญโรคนี้เป็นโรคติดต่อครับ แค่ไอจาม หายใจรดกัน หรือสัมผัสกับตุ่มแผลก็มีโอกาสที่จะติดโรคได้ โดยเฉพาะในระยะหนึ่งวันก่อนผื่นขึ้น ไปจนถึง 6 วันหลังตุ่มใสขึ้น ฉะนั้นควรแยกผู้ป่วยและของใช้จำพวกผ้าของผู้ป่วยจากคนที่ยังไม่เคยเป็นโรคนี้ครับ ยกเว้นแต่ว่าอยากเป็น เพื่อให้มีภูมิต้านทานหรือต้องการประหยัดค่าวัคซีน

แต่โรคนี้ดีอยู่อย่างคับ คือเมื่อหายแล้วจะมีภูมิต้านทานไปตลอดชีวิต หรือถ้าเป็นสมัยนี้สามารถฉีดวัคซีนป้องกันไว้ได้ตั้งแต่อายุ 4-6 ขวบ

มีผื่นอีกโรคที่ต้องระวัง คือผื่นจาก โรคไข้เลือดออก ซึ่งจะคล้ายกับตุ่มยุงกัดทั่วตัว และใกล้เคียงกับผื่นจากโรคหัดแต่ก็พอจะแยกกันได้ครับ โดยสังเกตว่าถ้าเป็นไขเลือดออกจะไม่มีอาการไอหรือน้ำมูกไหล และจุดเลือดออกของโรคไข้เลือดออกจะไม่รู้สึกสากมือเหมือนโรคหัด และเวลากดดึงผิวหนังให้ตึงจะไม่จางหายไปเหมือนจุดถูกยุงกัดธรรมดา ซึ่งถ้ามีอาการตามนี้ร่วมกับมีไข้สูงตลอดเวลา ก็ควรดื่มน้ำมาก ๆ รับประทานยาลดไข้ และรีบไปพบแพทย์ครับ

แต่ถ้าเป็น โรคหัด นอกจากจะมีน้ำมูกและไอแล้ว จะมีอาการหน้าแดง ตาแดง ไม่สู้แสง และผื่นสีน้ำตาลแดงนูนเล็กน้อย จะเริ่มขึ้นจากหลังหูแล้วลามไปทั่วตัวหลังมีไข้แล้ว 3-4 วัน จุดเด่นที่สังเกตได้อีกอย่างคือ หากมีจุดสีขาว ๆ เหลือง ๆ เล็กขนาดเม็ดงาที่กระพุ้งแก้มใกล้ฟันกรามล่าง (หรือถ้าเป็นมากก็จะมีอยู่เต็มกระพุ้งแก้ม) แสดงว่าเป็นโรคหัดอย่างแน่นอนครับ

หากเป็นหัดให้ดูแลเหมือนคนเป็นไข้หวัดคือ พักผ่อน รับประทานยาลดไข้ และเช็ดตัวเวลามีไข้สูง และยืนยันว่าไม่มีของแสลงครับ และไม่จำเป็นต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ เพราะเป็นโรคจากเชื้อไวรัส ไม่ใช่แบคทีเรีย

เพื่อนสนิทอีกโรคของหัดคือ โรคหัดเยอรมัน ผื่นจากโรคนี้จะเป็นตุ่มเล็ก ๆ สีชมพู แต่อาการอื่น ๆ จะไม่รุนแรงเหมือนโรคหัด และจุดสังเกตที่สำคัญคือ คลำพบก้อนที่หลังหูและท้ายทอย เนื่องจากต่อมน้ำเหลืองโต

โรคนี้เป็นโรคติดเชื้อที่ไม่รุนแรง เพียงรับประทานยาลดไข้ พักผ่อนอยู่กับบ้านสัก 4 วันหลังจากมีผื่นเพื่อไม่ให้ไปติดต่อคนอื่น และควรไปพบแพทย์ก็ต่อเมื่อปวดข้อรุนแรง มีไข้สูง ปวดศีรษะรุนแรง หรือหากเป็นผู้หญิงตั้งครรภ์ในระยะ 3 เดือนแรกควรพบแพทย์ทันที แต่ทางที่ดีหญิงสาวควรฉีดวัคซีนหัดเยอรมันอย่างน้อย 3 เดือนก่อนตั้งครรภ์ครับส่วนเด็ก ๆ เดี๋ยวนี้เขามีวัคซีนรวมกับวัคซีนโรคหัด ซึ่งแนะนำให้ฉีดตั้งแต่เด็กอายุ 9 เดือนครับ

จะไข้ออกผื่นหรือโรคไหน ๆ หากเราเข้าใจและรู้เท่าทัน ก็คงไม่ยากที่จะรับมือ จริงไหมครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจากชีวจิต

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เกียร์ CVT คืออะไร ข้อดี – ข้อเสีย ของระบบเกียร์ CVT มีอะไรบ้าง / ADMIN - SJ (TONAN ASIA AUTOTECH)

เกียร์ CVT คืออะไร ข้อดี – ข้อเสีย ของระบบเกียร์ CVT มีอะไรบ้าง

เกียร์ CVT คืออะไร
CVT ย่อมาจาก Continuously Variable Transmission คือระบบส่งกำลังแปรผันต่อเนื่อง หรือระบบเกียร์แบบอัตโนมัติรูปแบบหนึ่งที่ถูกออกแบบโดยใช้สายพานในการเคลื่อนระหว่างพูเล่ 2 ตัว ทำให้มีความสามารถพิเศษแปรผันอัตราทดได้ตลอดเวลา ทั้งยังนุ่มนวลและแม่นยำกว่าระบบเกียร์อัตโนมัติแบบดั้งเดิมที่ใช้ชุดเฟืองเป็นอัตราทด
เกียร์ CVT
ระบบเกียร์ CVT
ระบบเกียร์ CVT มีที่มาจากไหน…?
ระบบเกียร์ CVT มีต้นแบบมาจากผลงานของ “Leonardo da Vinci” กวีที่มีชื่อเสียงโด่งดังของโลก ซึ่งเขาเคยออกแบบโครงสร้างระบบส่งกำลังที่คล้ายกับระบบเกียร์ CVT ไว้เมื่อประมาณ 500 ปีก่อน หลังจากผ่านไปเป็นเวลา 400 ปี “Milton Reeves” จึงเป็นผู้นำระบบส่งกำลังนั้นมาพัฒนา รวมทั้งทดสอบใช้กับรถยนต์เป็นครั้งแรกเมื่อปี 1896
ข้อดี – ข้อเสีย ของระบบเกียร์ CVT
เกียร์ CVT ขึ้นชื่อในเรื่องของ “ความเงียบ นุ่มนวล แม่นยำ และประหยัดน้ำมัน” ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่คู่ควรของรถที่หลายคนต่างก็ต้องการ ดังนั้นบริษัทผลิตรถส่วนใหญ่จึงนำระบบเกียร์ CVT ไปใช้กับรุ่นยนต์รุ่นใหม่
ดูเหมือนว่าเกียร์ CVT จะเป็นเทคโนโลยีที่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ยังมีข้อเสียอยู่เนื่องจาก ความทนทานของสายพานมีอายุการใช้งานที่จำกัด แต่ถ้าใช้งานอย่างถูกวิธีและดูแลรักษาอย่างดีก็สามารถยืดอายุการใช้งานไปได้เล็กน้อย
ดังนั้นระบบเกียร์ CVT จึงเป็นระบบส่งกำลังที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ของรถยนต์ ทั้งเงียบ นุ่มนวล แม่นยำ และประหยัดน้ำมัน จึงเป็นที่นิยมในปัจจุบัน แต่เนื่องจากมีอายุการใช้งานที่ค่อนข้างจำกัดจึงต้องดูแลรักษาและใช้งานอย่างถูกวิธี…
      ขอบคุณแหล่งที่มา