วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ประวัติของอุตสาหกรรมน้ำมัน / Admin SD (Tonan Asia Autotech)

ประวัติของอุตสาหกรรมน้ำมัน
โดย พลอยมรกต  หรุ่มเรืองวงษ์ (นักวิชาการ สาขาวิทยาศาสตร์มัธยมศึกษา สสวท.)

ยุคแรกเริ่ม
มนุษย์ รู้จักน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติตั้งแต่ 450 ปีก่อนคริสตกาล ในปลายคริสตวรรษที่ 13 มาร์โคโปโล (Marco Polo) ได้เขียนถึง “น้ำพุน้ำมัน” ที่เมืองบากู (Baku) ริมทะเลแคสเปียน (Caspian Sea) ในเวลาต่อมา ราเลห์ (Walter Raleigh) ได้ค้นพบทะเลสาบยางมะตอยขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “ทะเลสาบยางมะตอยทรินิดาด” (Trinidad Pitch Lake) อยู่ในทวีปอเมริกา นอกจากนี้ยังพบว่ามีการค้นพบและใช้น้ำมันดิบในหลายส่วนบนโลกเมื่อนานมาแล้ว เช่นในพม่า อิตาลี และโปแลนด์ เป็นต้น



ภาพ ยางมะตอยในทะเลสาบ

คริสตวรรษ ที่ 15 และ 16 นักเล่นแร่แปรธาตุได้ประดิษฐ์เครื่องมือและค้นคว้าเทคนิควิธีการใหม่ๆขึ้นมา ซึ่งเป็นรากฐานของการกลั่นน้ำมันดิบในปัจจุบัน วิธีการเหล่านั้นเช่น

1.  การใช้รีฟลักซ์
2.  การปรับอุณหภูมิยอดหอกลั่น
3.  การกลั่นแยก และวิธีการแยกกระแสด้านข้างออกจากหอกลั่นแยก
4.  การทำให้สารป้อนร้อนเสียก่อนเข้าเครื่องกลั่น
5.  การนำสารป้อนเข้าเครื่องกลั่นในระหว่างที่เครื่องทำงานอยู่โดยไม่ต้องหยุด
6.  การนำสิ่งที่กลั่นได้มากลั่นต่อให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น

ยุคบุกเบิก
ในช่วงแรกๆการจุดไฟให้แสงสว่างจะใช้น้ำมันสัตว์หรือน้ำมันพืชเป็นเชื้อเพลิงจนกระทั่งปี 1839 แซมมวล มาร์ติน คีร์ (Samuel Martin Kier) ซึ่งเป็นเจ้าของเหมืองเกลือใกล้เมืองทาเรนตัม (Tarentum) รัฐเพนซินวาเนีย (Pennsylvania) พบว่าน้ำเกลือที่เขาสูบขึ้นมามีน้ำมันข้นๆ ดำๆ ปนขึ้นมาด้วย ทำให้สกปรกเขาจึงนำไปทิ้งลงคลอง เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะนำน้ำมันข้นๆ ดำๆ นั้นไปใช้ประโยชน์อะไรได้ ต่อมามีเด็กคนหนึ่งได้โยนคบเพลิงลงคลองเล่น ปรากฏว่าน้ำมันในคลองติดไฟยาวถึงครึ่งไมล์ ผู้คนจึงรู้น้ำมันที่เขาทิ้งลงคลองเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี และเริ่มนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงกับตะเกียง ถึงแม้ว่าจะมีควันและเหม็น แต่ก็ให้แสงที่สว่างกว่าและฟรีอีกด้วย จึงกล่าวได้ว่าเมืองทาเรนตัมจึงเป็นเมืองแรกในสหรัฐที่ใช้ปิโตรเลียมเป็นเชื้อเพลิงของตะเกียง

ในปี ค.ศ. 1854 แซมมวล มาร์ติน คีร์ จึงเริ่มหาทางขายน้ำมันของเค้า และพยามแก้ปัญหาเรื่องควันและกลิ่นที่เหม็นของน้ำมัน โดยนำน้ำมันดังกล่าวมากลั่นเพื่อที่จะได้น้ำมันสำหรับตะเกียงอย่างดี เขาผลิตน้ำมันสำเร็จรูปที่เรียกว่า คาร์บอนออยล์ (Carbon oil) แต่น้ำมันที่ได้ยังมีคุณภาพเลว แม้จะนำมากลั่นถึง 2 ครั้งแล้วก็ตาม ในเวลาไล่เลี่ยกันทนายความหนุ่มคนหนึ่งชื่อ บิเซลล์ (George Henry Bissell) ได้เก็บตัวอย่างน้ำมันมาจากลำธาร และส่งตัวอย่างน้ำมันไปให้ศาสตราจารย์ที่มหาลัยเยล (Yale University) วิเคราะห์ ผลการวิเคราะห์น้ำมันพบว่าน้ำมันนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ผลิตผลิตภัณฑ์ได้หลายอย่างในราคาถูกๆ และง่ายดาย แต่กระนั้นการผลิตน้ำมันดิบก็ยังไม่ได้ผลดีเท่าที่ควรเพราะต้องคอยตักน้ำมันที่ซึมขึ้นมาจากผิวดิน จึงมีผู้คิดหาวิธีการที่จะขุดน้ำมันขึ้นมาจากใต้ดินเพื่อเพิ่มผลผลิต

ยุคตื่นตัว
จากความคิด ที่จะขุดบ่อน้ำมันนี้เองทำให้ในปี ค.ศ. 1859 นาย เดร้ก (Edwin Laurentine Drake) สามารถขุดบ่อน้ำมันบ่อแรกของโลกได้สำเร็จที่เมืองทิทูสวิลล์ รัฐเพนซิลวาเนีย (Titusville, Pennsylvania) โดยพบน้ำมันที่ความลึก 69.5 ฟุต ความสำเร็จครั้งนี้ทำให้คนตื่นน้ำมันกันไม่น้อยกว่าตื่นทอง เพราะบ่อน้ำมันนี้ผลิตน้ำมันได้วันละ 25 บาร์เรล ขายได้ บาร์เรลละ 18 เหรียญสหรัฐ

ในสมัยนั้น นับว่าเป็นความร่ำรวยที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน และปีนี้ถือว่าเป็นปีเริ่มต้นของอุตสาหกรรมน้ำมันอีกอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นยังมีการค้นพบน้ำมันทางแถบอื่นของอเมริกาด้วย ตัวอย่างเช่น ในปี ค.ศ. 1901 ได้มีการค้นพบที่ต้องบันทึกไว้เป็นประวัติการณ์ กล่าวคือ การขุดน้ำมันที่แหล่งสปินเดิลทอป (Spindletop) ในแถบเมืองบิวมองท์ รัฐเท็กซัส (Beaumont, Texas) น้ำมันจากใต้ดินพุ่งขึ้นมาเป็นลำสูงขึ้นไปกว่า 100 ฟุต เหนือแท่นเจาะและผลิตได้ 70,000-100,000 บาร์เรลต่อวันทันที


ภาพ แท่นขุดน้ำมันที่สปินเดิลทอป

อย่างไรก็ตามเมื่อบ่อน้ำมันเริ่มเกิดขึ้น ก็ทำให้โรงกลั่นน้ำมันที่มีอยู่เดิมไม่เพียงพอ จำเป็นต้องสร้างโรงกลั่นน้ำมันขึ้นอีกหลายโรง โรงกลั่นที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบสร้างขึ้นเป็นแห่งแรกในปี ค.ศ. 1860 ที่ทิทูสวิลล์ แต่ก็ผลิตผลิตภัณฑ์ทั้งหมดได้ไม่ถึง 50% ของน้ำมันดิบที่ป้อนเข้าโรงกลั่น ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่ได้เป็นน้ำมันตะเกียงและน้ำมันหล่อลื่น ส่วนผลพลอยได้อื่นๆจากการกลั่นน้ำมันดิบ คนสมัยนั้นยังไม่รู้ว่าจะนำมาทำประโยชน์อะไรได้จึงต้องเผาทิ้งไป นับว่าน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง

คราวหน้าเราจะมาศึกษา ปัญหาและการพัฒนาของเทคโนโลยีโรงกลั่นจนทันสมัยเพื่อให้ใช้ประโยชน์จากน้ำมันดิบอย่างคุ้มค่ากัน
________________________________________
ในปีการศึกษา 2555 นักเรียนระดับ ม.ต้น จะได้เรียนรู้เนื้อหาที่ทันสมัยเกี่ยวกับปิโตรเลียมที่เป็นแหล่งพลังงานเชื้อเพลิง ในรายวิชาเพิ่มเติม “เชื้อเพลิงเพื่อการคมนาคม” ซึ่งออกโดย สสวท. ในรูปของหนังสือเรียน และคู่มือครู  1 หน่วยกิต  40  ชั่วโมง

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : http://secondsci.ipst.ac.th/index.php?option=com_content&view=article&id=195:201105a02&catid=19:2009-05-04-05-01-56&Itemid=34

วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ไอศกรีมหม้อไฟ อิ่มอร่อย คลายร้อน / Admin SD (Tonan Asia Autotech)

ใครยังไม่อิ่มหนำกับการเล่นน้ำคลายร้อนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่เพิ่งผ่านมา วันนี้ We Recommend มีหนึ่งร้านที่ช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายให้เย็นลงแบบตัวไม่เปียก แถมยังอิ่มท้องมาให้ลิ้มลองกัน กับร้าน "Tongue Fun" ในบริเวณซอยยศเส หรือที่ใคร ๆ เรียกกันติดปากว่า "ไอศกรีมหม้อไฟ" ค่ะ


กว่าจะเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงขนาดทุกวันนี้ เจ้าของร้าน คุณโช เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้หุ้นกับเพื่อนขายไอศกรีมธรรมดา จนตอนหลังแยกมาทำคนเดียว เลยอยากหาอะไรที่เป็นเอกลักษณ์แปลกใหม่ ด้วยความที่เคยทำงานเอเจนซี่โฆษณามาก่อน จึงชอบคิดอะไรที่แตกต่าง พยายามหาอะไรที่ตรงข้ามกับความเย็นของไอศกรีมมาลองใส่ดู สุดท้ายเลยมาลงตัวที่หม้อไฟ แล้วเพิ่มน้ำแข็งแห้ง Food Grade ที่รับรองความปลอดภัย ใส่ลงไปตรงกลาง ให้มีควันขึ้นมาดูสมจริง ดูแล้วน่าตื่นตาตื่นใจจนติดใจใครหลายคนเลยค่ะ


เพียงแค่แพ็กเกจภายนอกอย่างเดียวคงดังไม่ได้ ต้องควบคู่กับความอร่อยของรสชาติไอศกรีมที่เป็นจุดเด่นของร้านนี้ไปด้วยค่ะ กับหลากหลายรสที่หาทานไม่ได้ที่ไหนที่มีกว่า 20-30 รส ที่หลายคนยกนิ้วให้เป็น รสโคตรนม ซึ่งเป็นรสแรกที่พยายามสร้างสรรค์ความต่าง โดยใส่นมเพิ่มเข้าไปเป็นดับเบิ้ล จนได้ความเข้มข้นหวานมันของนมแบบเต็ม ๆ



ต่อมาเป็นบรรดารสที่ผสมแอลกอฮอลล์ก็ฮอตไม่เบา อย่าง รสเบียร์ ที่ไม่หนักจนเกินไป หรือ รสกระทิงแดงวอดก้า ที่เกิดปิ๊งไอเดียจากตอนไปสำรวจตลาดที่เวียดนาม ซึ่งคนที่นั่นนิยมดื่มเครื่องดื่มบำรุงกำลังมาก เลยลองทำ ปรากฏคนไทยก็ชอบไม่แพ้กันค่ะ หรือเป็นรสที่คุ้นเคย อย่าง รสสตอว์เบอร์รี่ ช็อกโกแลตบราวนี่ ยาคูลท์ปีโป้ หรือ นูเทลล่า ก็ทำออกมาได้ลงตัวเช่นกัน ราคาเพียงลูกละ 25, 28 และ 30 บาทเท่านั้นค่ะ


หากร้อนนี้อยากมาลิ้มรสความสนุก ไอศกรีมหม้อไฟเปิดต้อนรับอยู่ถึง 3 สาขาค่ะ ทั้งที่ ซอยยศเส ร้านแรกต้นตำรับ เปิดเวลา 19.00-23.00 น. สาขา Terminal 21 จะมีหม้อไฟไซส์เล็กด้วย สามารถมาทานได้ทั้งวัน ตั้งแต่ 10.00-22.00 น. อยู่บริเวณ Food Court และสาขาล่าสุดที่ ลาดพร้าว 71 เปิดเวลา 10.00-21.00 น. จะเลือกไปทานที่ไหนก็ได้อิ่มหนำแบบเย็น ๆ สนุก ๆ เพิ่มสีสันให้ซัมเมอร์นี้ไม่มีเบื่อค่ะ

ที่ตั้ง : ซอยยศเส ถนนพลับพลาไชย (ใกล้วัดเทพศิรินทร์) ป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 10100
โทร : 08 9111 6836, 0 2956 1099
เวลาเปิดบริการ : ทุกวันเวลา 19.00-23.00 น.
ราคาต่อท่านโดยประมาณ : ต่ำกว่า 100 บาทต่อคน
สัญชาติอาหาร : ไทย
ประเภทอาหาร : ไอศกรีม
รูปแบบการให้บริการ : ร้านไอศกรีม
เหมาะสำหรับ : นั่งชิลๆ
ที่จอดรถ : ริมถนน ,ในซอย

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : http://travel.sanook.com/1318219/อิ่มอร่อย/คลายร้อน






วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เที่ยวเกาะเชจูโด หรือเกาะเชจู (Jeju) มรดกโลกของเกาหลีใต้ / ADMIN - SJ (TONAN ASIA AUTOTECH)

เที่ยวเกาะเชจูโด หรือเกาะเชจู (Jeju) มรดกโลกของเกาหลีใต้ 
เชจูโด หรือเกาะเชจู ซึ่งอยู่ทางใต้ของโซลเป็นหนึ่งในจังหวัดทั้งเก้าประเทศเกาหลี หากคุณเดินทางโดยเครื่องบินจากโซลจะใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง ทั้งยังมีเที่ยวบินตรงจากโตเกียว โอซากา นาโงย่า ฟูกูโอกะ เซี่ยงไฮ้ และฮ่องกง มายัง เชจู อีกด้วยหรือคุณจะเดินทางมาจาก พูซาน วานโด อินชน ยอซู หรือ มกโพ โดยเรือเฟอร์รี่ก็ได้ เนื่องจากเป็นจังหวัดที่แยกออกไปจากแผ่นดินใหญ่ และมีบรรยากาศโรแมนติคแบบประเทศในเขตร้อน โดยมีสี่ฤดูและอากาศอบอุ่นสบาย อุณหภูมิโดยเฉลี่ย 15 องศาเซลเซียส ตลอดทั้งปีและในฤดูร้อนอุณหภูมิโดยเฉลี่ยคือ 22-26 องศาเซลเซียส คู่บ่าวสาวที่เพิ่งแต่งงานและนักท่องเที่ยวจึงนิยมไปเที่ยวที่เกาะแห่งนี้

ตามรอยสถานที่ถ่ายทำซีรี่ย์สุดฮิต ที่เกาะเชจู
เกาะเชจู อดีตเกาะภูเขาไฟที่ปัจจุบันกลายมาเป็นเกาะโรแมนติก ที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมายครบทุกรูปแบบ จุดหมายอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวและคู่ฮันนีมูน สถานที่ถ่ายทำฉากสวยงามของละครเกาหลีหลายเรื่องเช่น My Girl, Which star are you from , I?m Sorry I Love you, แดจังกึม, Princess Hours, All in เป็นต้น จากนั้นพาคุณตะลุยกรุงโซล เมืองหลวงที่ความเก่าแก่และความทันสมัยบรรจบกันได้อย่างลงตัวงดงาม

แหล่งมรดกโลก

เกาะเชจูและถ้ำลาวา คือหนึ่งในแหล่งมรดกโลกของประเทศเกาหลีใต้ เป็นเกาะภูเขาไฟที่ตั้งอยู่ในทะเลจีนตะวันออก และห่างจากชายฝั่งทางใต้ของเกาหลี 130 กิโลเมตร ตัวเกาะมีพื้นที่ 1,846 ตร. กม. เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด มีภูเขาที่สูงที่สุด (1,950 เมตร) และเป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดของเกาหลีใต้ [1]
เกาะเชจูได้รับจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อ “เกาะเชจูและถ้ำลาวา” ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 31 เมื่อปี พ.ศ. 2550 ที่เมืองไครสต์เชิร์ช? ประเทศนิวซีแลนด์ ด้วยข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณาให้เป็นแหล่งมรดกโลก ดังนี้
(vii) – เป็นตัวอย่างที่เด่นชัดของการเป็นตัวแทนในวิวัฒนาการสำคัญต่างๆในอดีตของโลก เช่น ยุคสัตว์เลื้อยคลาน ยุคน้ำแข็ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาความหลากหลายทางธรรมชาติบนพื้นโลก
(viii) – เป็นตัวอย่างที่เด่นชัดในการเป็นตัวแทนของขบวนการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทาง ธรณีวิทยาหรือวิวัฒนาการทางชีววิทยา และปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ต่อสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่กำลังเกิดอยู่ เช่น ภูเขาไฟ เกษตรกรรมขั้นบันได
สถานที่ท่องเที่ยว
ตัวเมือง เชจู และเชจูโด ฝั่งตะวันออก

ตัวเมืองเชจูเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญในแถบชายฝั่งด้านเหนือส่วนกลาง และมีสนามบินนานาชาติ รวมทั้งเป็นที่ ตั้งของโรงแรมทั้งแบบตะวันตกและแบบเกาหลี บริเวณชายฝั่งด้านตะวันตกของเชจู มีภูมิประเทศเป็นหินภูเขาไฟรูปทรงแปลกประหลาดคล้ายกับมังกรกำลังอ้าปาก เรียกว่า โขดหิน ยงดูอัม จึงเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว????
วิธีการเดินทาง: จากโซลถึงเชจู 1 ชั่วโมง โดยเครื่องบิน / 5 ชั่วโมง 30 นาที จากมกโพ โดยเรือ 7 ชั่วโมง จากยอซูโดยเรือ
สวนทัมนามกซกวน
ใน สวนทัมนา มกซกวน มีการจัดวางหินซึ่งแกะสลักเป็นรูปร่างต่างๆ สลับกับรากไม้แห้ง
เบอร์โทร: 064-702-0203
วิธีการเดินทาง: รถประจำทางสาย 500 หรือ 502 จากสนามบินเชจู (30 นาที)
เวลาให้บริการ: 8.00 น.-18.00 น. (8.00 น.-17.00 น. เดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์)
ราคาค่าบริการ: 2,000 วอน
พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมพื้นบ้าน เชจู
พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมพื้นบ้าน เชจู เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับวิถีชีวิตที่มีลักษณะเฉพาะของเชจู
เบอร์โทร: 064-755-1976
วิธีการเดินทาง: 15 นาที จากโรงแรม Jeju KAL
เวลาให้บริการ: 9.00 น.-18.00 น.
ราคาค่าบริการ: ฟรี (จุลสารราคา 1,000 วอน)
พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมพื้นบ้าน และธรรมชาติวิทยา เชจู
ภายใน พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมพื้นบ้าน และธรรมชาติวิทยา เชจู มีการจัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้พื้นบ้าน ไม้พันธุ์ต่าง ๆ สัตว์ และแร่ธาตุซึ่งพบได้ตามธรรมชาติใน เชจูโด
เบอร์โทร: 064-722-2465
วิธีการเดินทาง: ใช้เวลาเดินทางจากโรงแรม Jeju KAL 10 นาที
เวลาให้บริการ: 8.30 น.-17.30 น.(8.30 น.-17.30 น. พ.ย.-ก.พ.)
วันให้บริการ: เป็นเวลา 12 วัน รวมวันซอลลัลและวันชูซก
ราคาค่าบริการ: 1,470 วอน
อุทยานแห่งชาติภูเขา ฮัลลาซาน
อุทยานแห่งชาติภูเขา ฮัลลาซาน ประกอบด้วยภูเขา ไฟสูงตระหง่านที่ได้ดับไปเป็นเวลานานแล้ว และทุ่งนา ป่าเขา หมู่บ้านเล็ก ๆ และโรงแรมชั้นดีบนหาดทรายขาวสะอาด มีทางหลวงตัดข้ามเกาะ 5.16 และ 1,100 โรดส์ ตัดผ่านด้านที่ไม่สูงชักนักของอุทยานแห่งนี้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนบนเกาะแห่งนี้ คุณจะสามารถมองเห็นยอดเขาที่มีหิมะปกคลุมโผล่พ้นกลุ่มเมฆ ภูเขา ฮัลลาซาน มีความสูง 1,950 เมตรจากระดับน้ำทะเลและเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศ
เบอร์โทร: 064-713-9950
วิธีการเดินทาง: มีทางหลวง 5.16 และ 1,100 โรดส์
ราคาค่าบริการ: 1,300 วอน
ปากปล่องภูเขาไฟ ซานกึมบูรีปากปล่องภูเขาไฟ ซานกึมบูรี เป็นหนึ่งในปากปล่องภูเขาไฟทั้งสามแห่งบนเกาะ เชจู อีกสองแห่งได้แก่ ทะเลสาบ เพ็งนกทัม ที่ยอดเขา ฮัลลาซาน และซงซานโป หรือยอดเขาตะวันขึ้น
ปากปล่องภูเขาไฟ ซานกึมบูรี มีเส้นรอบวงยาว 2 กม. ในบริเวณนี้มีพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ทั้งแบบกึ่งโซนร้อนแบบภูมิอากาศอบอุ่น และแบบภูเขาทั้งหมด 420 ชนิด จนเป็นที่รู้จักในหมู่นักพฤษศาสตร์ว่า เป็นขุมสมบัติแห่งพรรณไม้ เวลาที่ดีที่สุดสำหรับการไปเยือนปากปล่องภูเขาไฟซานกึมบูรี คือในฤดูร้อน หรือฤดูใบไม้ร่วง
ที่ตั้ง/ที่อยู่: อยู่ทางตะวันออกของฮัลลาซาน
เบอร์โทร: 064-783-9900
วิธีการเดินทาง: รถประจำทาง 35 นาที จากตัวเมืองเชจู
เวลาให้บริการ: 8.00 น.-18.00 น. (8.30 น.-17.30 น. ในเดือน พ.ย.-ก.พ.)
ราคาค่าบริการ: 3,000 วอน

หมู่บ้านพื้นเมืองซงอับอยู่ห่างจาก ตัวเมือง เชจู ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 35 กม. เป็นเขตอนุรักษ์วัฒนธรรมพื้นบ้าน ซึ่งคุณจะได้พบกับชาวบ้านที่มีความเป็น มิตรอาศัยอยู่ในบ้านที่สร้างด้วยหิน มุงหลังคาด้วยฟาง และล้อมรอบด้วยกำแพงหินอย่างในสมัยโบราณ
ที่ตั้ง/ที่อยู่: อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของปากปล่องภูเขาไฟซานกึมบูรี
วิธีการเดินทาง: นั่งรถประจำทาง 60 นาที จากตัวเมืองเชจู
ถ้ำมานจังกุล
ถ้ำมานจังกุล อยู่บริเวณชายฝั่งด้านตะวันออกเฉียงเหนือ มีความยาว 13.4 กม. จึงจัดเป็นถ้ำที่เกิดจากการเคลื่อนตัวของลาวาที่ยาวที่สุดในโลก
เบอร์โทร: 064-783-4818
วิธีการเดินทาง: ห่างจากตัวเมืองเชจู 50 นาที
เวลาให้บริการ: 9.00 น.-19.00 น. (9.00 น.-18.00 น. ในเดือน พ.ย.-ก.พ.)
ราคาค่าบริการ: 2,200 วอน
ซงซานโพคำนี้มีความหมายว่า เมืองท่าซึ่งเป็นป้อมปราการบนเขา แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ สุดปลายด้านตะวันออกของเกาะ ซึ่งมี ปล่องภูเขาไฟทรงกรวยคว่ำเป็นภูมิประเทศที่เด่นชัดของบริเวณนี้
หินทรงกรวยคว่ำนี้มีชื่อเรียกว่า อิลชุลบง หรือยอดเขาแห่งตะวันรุ่ง เป็นหนึ่งในภูเขาไฟ ทั้งหมด 360 แห่ง ซึ่งกระจัดกระจายอยู่บนเกาะทางเดินแคบ ๆ จากเบื้องล่างมุ่งไปสู่ขอบปล่องภูเขาไฟทางด้านตะวันตกและเลยไปจนถึงยอด ถ้าคุณปีนขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดก็ได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามอย่างมหัศจรรย์ โดยเฉพาะตอนอาทิตย์ขึ้น
เบอร์โทร: 064-783-0959
วิธีการเดินทาง: 1 ชั่วโมง 10 นาที จากซกวิโพ หรือสนามบินนานาชาติเชจู
เวลาให้บริการ: 5.00 น. จนพระอาทิตย์ตก
ราคาค่าบริการ: 2,200 วอน
เกาะอูโดเป็นหาดทรายปะการังแห่งเดียวของเกาหลี ชื่อนี้ได้มาจากรูปลักษณะที่คล้ายกับวัวกำลังนอนอยู่บนหญ้า เกาะนี้มีชื่อเสียงมากสำหรับอูโดพัลเกียง สถานที่ 8 แห่งที่สวยงามของเกาะอูโด
วิธีการเดินทาง: ใช้เวลา 15 นาที จากท่าเรือซงซานโพ
ราคาค่าบริการ: 1,000 วอน

เอกลักษณ์ของ เชจูโดสัญลักษณ์อันเก่าแก่ของเกาะแห่งนี้ คือ ทอลฮารุบัง และ เฮียนโย ทอลฮารุ บัง หรือ หินปู่ เป็นรูปปั้นทำจากหินลาวาสลักเป็นรูปคนแก่ใจดีมีให้เห็นอยู่ทั่วไป ในสมัยก่อนรูปปั้นทำหน้าที่คุ้มครองสถานที่ต่าง ๆ แต่ปัจจุบันนี้เป็นที่โปรดปรานของนักท่องเที่ยวที่ชอบถ่ายรูป รูปปั้นจำลองของ ทอลฮารุบัง มีจำหน่ายในร้านขายของที่ระลึก และมีขนาดต่าง ๆ ให้เลือกตั้งแต่ขนาด 1 นิ้วไปจนถึงขนาดใหญ่กว่าของจริงส่วน เฮียนโย คือหญิง สาวชาวบ้านซึ่งดำน้ำลงไปในทะเลเพื่อเก็บหอยเม่น เปลือกหอย และปลาหมึกยักษ์ ในวันที่อากาศแจ่มใสคุณจะเห็นหญิงสาวเหล่านี้ดำผุดดำว่ายอยู่บริเวณชายฝั่ง
ซกวิโพ และ เชจูโด ฝั่งตะวันตก
ซกวิโพ
ซกวิโพ เป็นเมืองท่าเพื่อการประมงและเป็นเมืองสำคัญบริเวณชายฝั่งทางใต้ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเยือนได้อย่างสะดวกสบาย โดยถนนซึ่งเชื่อมระหว่าง ซกวิโพ กับตัวเมือง เชจู นอกจากนี้ยังมีน้ำตกที่สวยงามและโรงแรมที่น่าอยู่หลายแห่ง?
สถานตากอากาศ ชุงมุนสถานตากอากาศ ชุงมุน ซึ่งมีเนื้อที่กว้างขวางอยู่ห่างจากใจกลางเมือง ซกวิโพไปทางใต้เพียง 20 นาที โดยรถยนต์ รีสอร์ทแห่งนี้ให้ความสำคัญทั้งกับการท่องเที่ยว และการพักผ่อนหย่อนใจ สถานที่ตั้งของโรงแรมจึงเอื้ออำนวย กิจกรรมทั้งสองแบบ เนื่องจากอยู่ใกล้น้ำตกชนเจยน และหาดทรายที่ขาวสะอาด ขณะน้ำกำลังมีการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกในการพักผ่อนหย่อนใจ ในพื้นที่ 1.7 ตร.กม. 420 เอเคอร์ ในรีสอร์ทนี้
ที่ตั้ง/ที่อยู่: ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวรีสอร์ทชุงมุน
เบอร์โทร: 064-735-7363
วิธีการเดินทาง: 1 ชั่วโมง จากสนามบินนานาชาติเชจู 20 นาที จากซกวิโป รถบัสลีมูซีนของสนามบินวิ่งระหว่างสนามบินนานาชาติ เชจู และรีสอร์ทชุงมุนออกทุก 15 นาที
ราคาค่าบริการ: 3,500 วอน
พิพิธภัณฑ์แท็ดดีแบร์เท็ดดีเป็นสัญลักษณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ 20 เท็ดดีแบร์แฟชั่น พิธีแต่งงานแบบเท็ดดีแบร์และอื่น ๆ
ที่ตั้ง/ที่อยู่: ตั้งอยู่ในรีสอร์ทชุงมุน
เบอร์โทร: 064-735-7100
วิธีการเดินทาง: 9.00 น.-18.00 น.(9.00 น.-22.00 น. ระหว่าง 19 ก.ค.-24 ส.ค.)
ราคาค่าบริการ: 6,000 วอน
ศูนย์ประชุมนานาชาติเชจูศูนย์ประชุมนานาชาติเชจู เป็นศูนย์จัดการประชุมนานาชาติที่สำคัญ ๆ การประชุมทั่ว ๆ ไป การอบรม และคอนเสิร์ต มี่ทิวทัศน์ของมหาสมุทรแปซิฟิกอันกว้างใหญ่อยู่ด้านหน้า และภูเขาฮัลลาซันอันงามสง่าอยู่ด้านหลัง ศูนย์การประชุมมีทั้งหมด 7 ชั้น แบ่งเป็นชั้นใต้ดิน 2 ชั้น และชั้นบนอีก 5 ชั้น ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากบริเวณรายรอบเกาะเชจู ตัวอาคารกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมอย่างสวยงามยิ่ง ไม่ทำลายความงดงามของทิวทัศน์โดยรอบ และเข้ากับธรรมชาติได้เป็นอย่างดี นอกจากจะจัดการประชุมและ เทศกาลต่าง ๆ แล้ว ยังมีการจัดงานแสดงสินค้าต่าง ๆ ตลอดปี
ที่ตั้ง/ที่อยู่: ตั้งอยู่ในรีสอร์ทชุงมุน
เบอร์โทร: 064-735-1000
ท่องเที่ยวเรือดำน้ำมารีน่าท่องเที่ยวเรือดำน้ำมารีน่า จะพาท่านชมชีวิตใต้ทะเลลึกลงไปถึง 30-35 เมตร รอบ ๆ เกาะมุนเซิม – โลกใต้ทะเลกึ่งเขตร้อน อาทิเช่น ปะการังและปลาดาว โรงเรียนปลา ซึ่งปลาเหล่านี้ว่ายโชว์ลีลาอวดนักดำน้ำให้ลงไปกับโลกใต้ทะเลจากซกวิโพไปมีเกาะเล็ก ๆ มากมาย มีชื่อเสียงในเรื่องของการตกปลาพอ ๆ กับทิวทัศน์ของโลกใต้ทะเลอันสวยงาม
เบอร์โทร: 064-732-6060
วิธีการเดินทาง: นั่งรถประจำทางลีมูซีน สาย 600 ที่สนามบินนานาชาติเชจูไปถึงซกวิโพ (1 ชั่วโมง 20 นาที) ในซกวิโพ ให้โทร 732-6060
เวลาให้บริการ: 7.20 น.-17.45 น. (วิ่งทุก ๆ 45 นาที)
ราคาค่าบริการ: สำหรับรถระยะใกล้ ราคา 51,000 วอน (แนะนำว่าควรสำรองที่)
สนามล่าสัตว์แดยู
สนามล่าสัตว์แดยู เพียง 2 กิโลเมตรทางเหนือของรีสอร์ทชุงมุน เป็นพื้นที่ล่าสัตว์ของเอกชนเพียงแห่งเดียวในเอเชีย พื้นที่กว้างขวางกว่า 3,305,000 ตร.ม. พร้อมบริการปืนล่าสัตว์แบบใหม่ล่าสุด
เบอร์โทร: 064-738-0500
วิธีการเดินทาง: 40 นาที จากซงวิโพ
เวลาให้บริการ: 9.00 น.-18.00 น. (9.00 น.-17.30 น. ในเดือน พ.ย.-ก.พ.)
ซานบังกุลซา
ซานบังกุลซา เป็นถ้ำที่เกิดตามธรรมชาติอยู่ระหว่างทางที่จะขึ้นไปสู่ยอดเขา ซานบังซาน ทางชายฝั่งด้านตะวันตกเฉียงใต้ จากถ้ำแห่งนี้คุณจะมองเห็นทิวทัศน์ที่น่าตื่นตาตื่นใจของทุ่งราบชายฝั่งและผืนน้ำทะเลสีสด ภาพที่คุณเห็นจัดเป็นทิวทัศน์ที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งจากทั้งหมด 12 แห่งบนเกาะ อีกทั้งแนวหินชายฝั่ง ยกมอรี ทางใต้ของ ซานบังกุลซา ก็เป็นทิวทัศน์ที่น่าประทับใจอีกแห่งหนึ่ง
เบอร์โทร: 064-794-2940
วิธีการเดินทาง: 20 นาที จากตัวเมืองชุงมุนรีสอร์ท
เวลาให้บริการ: 8.00 น.-19.00 น.(8.00 น.-17.30 น. ในเดือน พ.ย.-ก.พ.)
ราคาค่าบริการ: 2,200 วอน
ฮัลลิม
ฮัลลิม เป็นศูนย์กลางด้านการตกปลา ทางชายฝั่งด้านตะวันตก
ชายหาด หยอบเช และ ถ้ำหยอบเชกุล? (Tel.064-796-0001) เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในบริเวณชานเมืองทางใต้ของ ฮัลลิม ภาย ในถ้ำเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยมีสีสันสวยงามที่น่าตื่นตาตื่นใจ เกิดจากการที่ลมได้พัดพาเอาทรายซึ่งเต็มไปด้วยแคลเซียมเข้าไปในถ้ำ และน้ำฝนได้ละลายเอาแคลเซียมออกมาเป็นรูปทรงต่าง ๆ เป็นถ้ำลาวาสีดำ
เบอร์โทร: 064-794-2940
วิธีการเดินทาง: 50 นาทีจากตัวเมือง เชจู
เวลาให้บริการ: 8.30 -19.00 น. (8.30 -18.00 น. ในเดือน พ.ย.-ก.พ.)
ราคาค่าบริการ: 5,000 วอน (สำหรับถ้ำ)
อนุสรณ์ เฮนดริคฮาเมลสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่นักเดินเรือชาวดัทช์ ซึ่งได้แล่นเรือผ่าน เชจูโด พร้อมกับลูกเรือ 37 คน และเรือได้จมลงเมื่อ ค.ศ.1653 หลัง จากนั้น เฮนดริคได้ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศเกาหลีอีก 13 ปีก่อนที่เดินทางกลับประเทศเนเธอร์แลนด์ได้ในที่สุด เฮนดริค ฮาเมลเป็นชาวตะวันตกคนแรกที่ได้บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับประสบการณ์ของเขาในประเทศเกาหลี อนุสรณ์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ ซานบังกุลซา ซึ่งเป็นบริเวณที่ฮาเมล ขึ้นถึงฝั่งหลังจากเรือล่ม
บันเจ อาร์ตเปีย
บันเจ อาร์ตเปีย เป็นสวนสาธารณะในเกาหลีที่ปลูกต้นไม้ในกระถางและเป็นสวนพืชพันธุ์ไม้และใหญ่ที่สุดในโลก มีต้นไม้ในกระถางตามแนวทางเรียงรายอยู่มากกว่า 1,000 ชนิด และตั้งโชว์มากกว่า 700 ชนิด ต่อวัน ประธานาธิบดีเจียงเจ๋อมิ๋นของจีน เคยมาเยี่ยมชมที่นี่ใน เดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1995
เบอร์โทร: 064-772-3701
วิธีการเดินทาง: นั่งรถจากสถานีขนส่งเมืองเชจูไปซินชาง (1 ชั่วโมง 30 นาที) นั่งรถไปถึงสวนสาธารณะ (25 นาที)
เวลาให้บริการ: 8.00 น.-19.00 น. (8.30 น.-18.00 น. ในเดือน พ.ย.-เม.ย.)
ราคาค่าบริการ: 7,000 วอน
พิพิธภัณฑ์ชาโอซุลล็อคใกล้ ๆ กับบันเจอาร์ตเบีย เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ชาโอซุลล็อคเป็นที่แสดงประวัติศาสตร์ในการผลิตใบชา และวิธีการต่าง ๆในการผลิต ชาเขียวที่นี่มีห้องประชุมเพื่อการจัดสัมมนาและจะเห็นทัศนียภาพอันสวยงามของพื้นที่ปลูกใบชาที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใช้เวลา 5 นาที โดยแท๊กซี่จากบันเจอาร์ตเบีย
เบอร์โทร: 064-794-5312
เวลาให้บริการ: 10.00 น.-18.00 น.(10.00 น.-17.00 น.ในเดือน พ.ย.-มี.ค.)

สวนเมืองจำลอง
ที่เมืองจำลองนี้มีสถาปัตยกรรมก่อสร้างจำลองกว่า 100 แห่ง ที่มีชื่อเสียงของโลก เช่น วัดพูลกุกซา ของเกาหลี เมืองต้องห้ามของจีน หอคอยเอียงแห่งเมืองปิซา ที่นี่ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ชม และสัมผัสกับสิ่งต่าง ๆ หลากหลายซึ่งมีวัฒนธรรมยุคหินแห่งเชจู เตาเผาเซรามิก โรงละครกลางแจ้ง สนามแข่งรถและอื่น ๆ
เบอร์โทร: 064-794-5400
วิธีการเดินทาง: เชจูถึงเมืองซกวางดงรีใช้เวลา 40 นาที เดิน 5 นาที ถึงสวนสาธารณะ
เวลาให้บริการ: 8.30 น.-19.30 น. (8.30 น.-17.00 น. เดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์)
ราคาค่าบริการ: 6,000 วอน

ปราสาทช็อกโกแลต

ปราสาทช็อกโกแลต ศูนย์รวมของช็อกโกแลต เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกของเกาหลีที่สร้างด้วยหินภูเขาไฟแห่งเกาะเชจู ช็อกโกแลตในขนาดและรูปแบบต่าง ๆ รวบรวมจากทั่วโลก ช็อกโกแลตรถโสม รสชาเขียว รสมะม่วง และรสใหม่ ๆ ถูกผลิตขึ้นมาสำหรับผู้นิยมช็อกโกแลตทั้งหลาย และยังสามารถชมวิธีการผลิตแบบท้องถิ่นได้โดยการมองผ่านตู้กระจก
เบอร์โทร: 064-711-3171
วิธีการเดินทาง: เชจูถึงโมซุลโพใช้เวลา 50 นาที นั่งแท๊กซี่ไปพิพิธภัณฑ์ใช้เวลา 10 นาที
เวลาให้บริการ: 10.00-18.00 (10.00-17.00 เดือนพฤศจิกาน ถึงกุมภาพันธ์

ข้อมูลจาก KTO

ขอบคุณแหล่งข้อมูล : http://www.tlcthai.com/travel

วันอังคารที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ข้อมูลเที่ยว ไหว้พระ 5 วัด ที่ฮ่องกง / Admin SD (Tonan Asia Autotech)


ข้อมูลเที่ยว ไหว้พระ 5 วัด ที่ฮ่องกง


วัดซิก ซิก หยวน หว่องไทซิน

                หว่องไทซินเป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดในฮ่องกง ทุกๆปีจะมีนักท่องเที่ยวหลายล้านคนมาเยือน และยังถือเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่สำคัญแห่งหนึ่ง บริเวณวัดงดงามด้วยอาคารที่ตกแต่งแบบจีนโบราณแม้จะตั้งอยู่ท่ามกลางความเป็น เมืองของเกาลูน วัดแห่งนี้เป็นที่รวมความเชื่อทางศาสนาถึง 3 ศาสนา ได้แก่ เต๋า พุทธ และขงจื๊อ



วัดซิก ซิก หยวน หว่องไทซิน


วัดซิก ซิก หยวน หว่องไทซิน

รีพัลส์ เบย์

หาดทรายรูปจันทร์เสี้ยวแห่งนี้เป็นหาดที่สวยที่สุด แห่งหนึ่งในฮ่องกง ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในหมู่ชาวฮ่องกงและนักท่องเที่ยว และยังใช้เป็นฉากในการถ่ายทำภาพยนตร์ไปหลายเรื่อง มีรูปปั้นขนาดใหญ่ของเจ้าแม่กวนอิมและเจ้าแม่ทินโห่ว ซึ่งทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองชาวประมง โดดเด่นอยู่ท่ามกลางสวนสวยที่ทอดยาวลงสู่ชายหาด ที่นี่มีคลับเฮ้าส์สไตล์จีนแบบดั้งเดิม และอาคารสไตล์อาณานิคม รีพัลส์ เบย์ ตั้งอยู่บนหาดรีพัลส์ เบย์ มีภัตตาคารและร้านค้าที่สามารถนั่งชมวิวทะเลได้หลายแห่ง


รีพัลส์ เบย์


รีพัลส์ เบย์


รีพัลส์ เบย์

วัดแชกงหมิว

วัดแชกงหมิว เป็นวัดที่ขึ้นชื่ออย่างมาก ที่เกาะฮ่องกง อยู่ใกล้กับโรงแรม วัดแห่งนี้เรารู้จักกันดีในนาม วัดกังหัน วัดนี้มี กังหันทองแดงที่เชื่อกันว่าถ้าหมุน 3 รอบจะขับไล่สิ่งชั่วร้ายและนำแต่สิ่งดีๆ มาให้ ชาวฮ่องกงนิยมไปสักการะที่วัดนี้ในวันขึ้นปีใหม่ของจีน หรือ วันตรุษจีน ซึ่งชาวฮ่องกงและไทย จะไปสักการะ ผู้ที่เกิดปีชง จะแคล้วคลาดในเรื่องที่ไม่ดีทุกเรื่อง


วัดแชกงหมิว


วัดแชกงหมิว


วัดแชกงหมิว
วัดชิหลิน

วัดชีหลิน หรือ เรียกกันว่า สำนักนางชี บรรยากาศร่มรื่น สงบ สำนักชีแห่งนี้ สร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรมสมัยราชวงศ์ถัง เป็นแหล่งพำนักเพื่อความสงบ ภายในวัดมีสระบัวอันงดงาม สวนญี่ปุ่นที่จัดแต่งอย่าง ประณีต และชายคาอารามลวดลายดอกบัวอันวิจิตร และมีรูปองค์พระโพธิสัตว์หลายปาง รวมทั้งเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งประทับอยู่ ในศาลด้านใน สำนักชีแห่งนี้ได้รับการบูรณะไปเมื่อปี 2000 จากที่สร้างขึ้นโดยใช้การเข้าไม้ทั้งหลังโดยไม่ใช้ตะปูเลย นอกจาก ท่อระบายน้ำที่เป็นเหล็ก นับเป็นการผสมผสานแบบใหม่ ซึ่งเป็นวัดที่สวยแห่งหนึ่งในฮ่องกง




วัดชิหลิน



วัดชิหลิน


วัดชิหลิน

วัดโป่หลิน หรือ พระใหญ่ลันเตา

นำท่านนั่งกระเช้า NGONG PING 360 จากตุงชุงสู่ที่ราบนองปิง เป็นกระเช้าที่ยาวที่สุดในโลก ท่านจะได้ชมทิวทัศน์รอบตัว 360 องศาของเกาะลันเตา พบกับสถาปัตยกรรมจีนโบราณของหมู่บ้านนองปิงบนพื้นที่ 1.5 เฮคตาร์ ให้ท่านนมัสการพระใหญ่ บนวัดโป่หลิน องค์พระ สร้างจากการเชื่อมแผ่นสัมฤทธิ์ถึง 200 แผ่น หนัก 250 ตันและสูง 34 เมตร องค์พระหันพระพักตร์ไปยังเนินเขาเบื้องล่างบริเวณทะเลจีนใต้


วัดโป่หลิน หรือ พระใหญ่ลันเตา


วัดโป่หลิน หรือ พระใหญ่ลันเตา


วัดโป่หลิน หรือ พระใหญ่ลันเตา

วันรัฐธรรมนูญ 2557 ประวัติความเป็นมาความสำคัญ / ADMIN - SJ (TONAN ASIA AUTOTECH)


วันรัฐธรรมนูญ
10 ธันวาคม ของทุกปี
ปีนี้ตรงกับวันพุธ ที่ 10 ธันวาคม 2557
วันรัฐธรรมนูญ
10 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันรัฐธรรมนูญ

      10 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันรัฐธรรมนูญ จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นการระลึกถึงรัฐธรรมนูญฉบับแรก อันเป็นฉบับถาวร เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ และเป็นเครื่องกำหนดระเบียบแบบแผนของสังคม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานให้กับปวงชนชาวไทย เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475
 

      การเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475 นับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์การปกครองของชาติไทยเนื่องจากเป็นการเปลี่ยนแปลง การปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช ซึ่งเป็นระบอบการปกครองที่ใช้กันมาเป็นเวลา 700 ปีเศษ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ

สาเหตุที่เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง

    พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 แห่งราชวงศ์จักรีทรงมีพระราชประสงค์ที่จะพระราชทานรัฐธรรมนูญเพื่อเป็นหลักในการปกครองของประเทศให้แก่ประชาชนชาวไทย

    หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ผลอันนี้ได้กระทบมาถึงไทยด้วย พระองค์ได้แก้ไขเศรษฐกิจโดยปลดข้าราชการออก ยังความไม่พอใจในหมู่ข้าราชการ

    อิทธิพลจากตะวันตกเกี่ยวกับอุดมการณ์ทางการเมือง ทำให้กลุ่มคนหนุ่มต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน

    รัฐบาลได้ออกกฎหมายเก็บภาษี อาทิ ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดินจากราษฎร

     จากสาเหตุดังกล่าวข้างต้น ทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ข้าราชการทหาร และราษฎรทั่วไปจึงทำให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยการปฎิวัติ มีคณะผู้รักษาการพระนครฝ่ายทหาร ซึ่งประกอบด้วยพันเอกพระยาพหลพยุหเสนา พันเอกพระยาทรงสุรเดช และพันเอกพระยาฤทธิอาคเนย์เป็นผู้บริหารประเทศ

     วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวเรียกว่า "พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว" สาระสำคัญของธรรมนูญการปกครองฉบับนี้ ได้แก่ การที่กำหนดว่า อำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศหรืออำนาจอธิปไตยเป็นของราษฎรทั้งหลาย การใช้อำนาจสูงสุดก็ให้มีบุคคล คณะบุคคลเป็นผู้ใช้อำนาจแทนราษฎรดังนี้ คือ

    พระมหากษัตริย์
    สภาผู้แทนราษฎร
    คณะกรรมการราษฎร
    ศาล


     ลักษณะการปกครองแม้จะเปลี่ยนระบอบการปกครองมาเป็นประชาธิปไตยแต่ก็ถือว่าพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประเทศ เป็นสถาบันที่ถาวรและมีการสืบราชสมบัติต่อไปในพระราชวงศ์ การปฎิบัติราชการต่างๆจะต้องมีกรรมการราษฎรผู้หนึ่งเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ โดยได้รับความยินยอมจากคณะกรรมการราษฎร จึงจะใช้ได้สถาบันที่เกิดใหม่คือ สภาผู้แทนราษฎรซึ่งมีอำนาจทางนิติบัญญัติออกกฎหมายต่างๆ ซึ่งเมื่อพระมหากษัตริย์ลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้แล้ว จึงจะมีผลบังคับได้ เหตุนี้ในระยะแรกของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง สภาผู้แทนจึงเป็นสถาบันที่มีอำนาจสูงสุดในทางการเมือง ส่วนการใช้อำนาจตุลาการยังคงให้ ศาลยุติธรรมที่มีอยู่แล้ว พิจารณาพิพากษาคดีให้เป็นไปตามกฎหมายได้ตามเดิม

ประวัติวันรัฐธรรมนูญ

     กระทั่งถึงวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรสยาม ฉบับถาวรซึ่งมีหลักการต่างกับฉบับแรกในวาระสำคัญหลายประการ อาทิ ได้เปลี่ยนระบอบการปกครอง เป็นการปกครองแบบรัฐสภา ทั้งนี้เนื่องจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2475 ได้บัญญัติให้พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นประมุขไม่ต้องรับผิดชอบทางการเมือง เป็นผู้ใช้อำนาจทางคณะรัฐมนตรี ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งให้บริการราชการแผ่นดินต่อสภาผู้แทน รัฐสภาซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติมิได้ใช้แต่เพียงอำนาจนิติบัญญัติเท่านั้น แต่มีอำนาจที่จะควบคุมคณะรัฐมนตรีในการบริหารแผ่นดินด้วย แต่อย่างไรก็ตามคณะรัฐมนตรีรวมทั้งพระมหากษัตริย์ซึ่งประกอบกันเป็นรัฐบาลก็มีอำนาจที่จะยุบสภาผู้แทนได้ หากเห็นว่าได้ดำเนินการไปในทางที่จะเป็นภัยหรือเสื่อมเสียผลประโยชน์สำคัญของรัฐซึ่งมีผลเท่ากับถอดถอนสมาชิกสภาที่ได้รับเลือกตั้งมาเพื่อให้ราษฎรเลือกตั้งใหม่ ในส่วนเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์นั้น ได้บัญญัติว่า พระมหากษัตริย์ดำรงอยู่ในฐานะอันเป็น ที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้
วันรัฐธรรมนูญ
10 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันรัฐธรรมนูญ

ประวัติรัฐธรรมนูญไทย

     อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองตั้งแต่ พ.ศ. 2475 มาจนถึงปัจจุบันรัฐธรรมนูญไทยมีทั้งสิ้นประมาณ 25 ฉบับ แต่ถ้านับเฉพาะฉบับที่สำคัญจะมีเพียง 18 ฉบับดังนี้

ฉบับที่ 1. ธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยาม พุทธศักราช 2427 ประกาศใช้บังคับเมื่อ วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475 รวมอายุการประกาศและบังคับใช้ 5 เดือน 13 วัน

ฉบับที่ 2.รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 ประกาศใช้บังคับเมื่อ วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 รวมอายุการประกาศและบังคับใช้ 13 ปี 5 เดือน

ฉบับที่ 3. รัฐธรรมนูญฉบับราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 รวมอายุการประกาศและการบังคับใช้ 1 ปี 5 เดือน 28 วัน

ฉบับที่ 4. รัฐธรรมนูญแห่งอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 รวมอายุการประกาศใช้ 1 ปี 4 เดือน 14 วัน

ฉบับที่ 5. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 ประกาศและบังคับใช้เมื่อ วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2492 รวมอายุการประกาศและบังคับใช้ 2 ปี 8 เดือน 6 วัน

ฉบับที่ 6. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2495 ประกาศและบังคับใช้ วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2495 รวมอายุและประกาศบังคับใช้ 6 ปี 7 เดือน 12 วัน

ฉบับที่ 7. ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2502 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2502 รวมอายุการประกาศและบังคับใช้ 9 ปี 4 เดือน 20 วัน

ฉบับที่ 8. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2511 รวมอายุการประกาศและบังคับใช้ 3 ปี 4 เดือน 20 วัน

ฉบับที่ 9. ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2515 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2515 รวมอายุการประกาศและบังคับใช้เมื่อ วันที่ 15 ธันวาคม 2515 รวมอายุการประกาศและบังคับใช้ 1 ปี 9 เดือน 22 วัน

ฉบับที่ 10. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2517 รวมอายุการประกาศและบังคับใช้ 2 ปี
ฉบับที่ 11. รัฐธรรมนูญราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2519 ประกาศและบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2519 รวมอายุการประกาศและบังคับใช้ 1 ปี
ฉบับที่ 12. ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2520 รวมอายุการประกาศและบังคับใช้ 1 ปี 13 วัน
ฉบับที่ 13. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 (แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2528)
ฉบับที่ 14. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534
ฉบับที่ 15. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534
ฉบับที่ 16. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540
ฉบับที่ 17. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2549 (ฉบับชั่วคราว)
ฉบับที่ 18. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 (รัฐธรรมนูญ ฉบับลงประชามติ)

 
วันรัฐธรรมนูญ
10 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันรัฐธรรมนูญ

รายละเอียดอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

      อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นรูปหล่อลอยตัว ประกอบด้วยรูปเล่มรัฐธรรมนูญในสมุดไทย ประดิษฐานบนพานแว่นฟ้า สร้างด้วยทองแดง มีความสูง 3 เมตร หนัก 4 ตัน ตั้งบนฐานรูปทรงกลมด้านบนโค้งกลม ลานอนุสาวรีย์ยกสูงมีบันไดโดยรอบ รอบนอกลานอนุสาวรีย์มีครีบทรงแบน อยู่ 4 ทิศ ที่โคนครีบ มีภาพแกะสลักลายปั้นนูน และมีรั้วเตี้ย ๆ กั้นโดยรอบลานอนุสาวรีย์ รั้วนี้ใช้ปืนใหญ่โบราณจำนวน 75 กระบอก ฝังดินโผล่ท้ายกระบอกขึ้นมา เป็นเสา คล้องโซ่เชื่อมต่อกัน

    ครีบ 4 ด้าน สูงจากแท่นพื้น 24 เมตร มีรัศมียาว 24 เมตร หมายถึง วันที่ 24 ซึ่งเป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง

    พานรัฐธรรมนูญ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดป้อมกลางตัวอนุสาวรีย์ สูง 3 เมตร หมายถึง เดือน 3 หรือ เดือนมิถุนายน (ขณะนั้นนับเมษายนเป็นเดือนแรกของปี) ตรงกับเดือนที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองสมัยนั้น และหมายถึง อำนาจอธิปไตยทั้ง 3 ภายใต้รัฐธรรมนูญ (นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ)

    ปืนใหญ่จำนวน 75 กระบอก (ปากกระบอกปืนฝังลงดิน) โดยรอบฐานของอนุสาวรีย์ที่มีโซ่เหล็กร้อยไว้ หมายถึงปีที่ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง (เลข 75 เป็นเลขท้ายสองหลักของปี พ.ศ. 2475) ส่วนโซ่ที่ร้อยไว้ด้วยกันหมายถึงความสามัคคีพร้อมเพรียงของคณะปฏิวัติ

    ลายปั้นนูนที่ฐานครีบทั้ง 4 เน้นถึงเรื่องราวการดำเนินงานของคณะราษฎรตอนที่นัดหมายและแยกย้ายกันก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475

    พระขรรค์ 6 เล่ม ที่รายล้อมรอบป้อมกลางตัวอนุสาวรีย์ หมายถึง หลัก 6 ประการของคณะราษฎร
วันรัฐธรรมนูญ
รายละเอียดอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
ตราไว้ ณ วันที่ ๒๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐
เป็นปีที่ ๖๒ ในรัชกาลปัจจุบัน


      ศุภมัสดุ พระพุทธศาสนากาลเป็นอดีตภาค ๒๕๕๐ พรรษา ปัจจุบันสมัย จันทรคตินิยม สูกรสมพัดสร สาวนมาส ชุณหปักษ์ เอกาทสิดิถี สุริยคติกาล สิงหาคมมาส จตุวีสติมสุรทิน ศุกรวาร โดยกาลบริเฉท

      พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้นําความกราบบังคมทูลว่า การปกครองของประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้ดําเนินวัฒนามากว่าเจ็ดสิบห้าปี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้มีการประกาศใช้ ยกเลิก และแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหลายครั้ง เพื่อให้เหมาะสมแก่สภาวการณ์ของบ้านเมืองและกาลสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป และโดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๔๙ ได้บัญญัติให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญและคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญขึ้น มีหน้าที่จัดทําร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับสําหรับเป็นแนวทางการปกครองประเทศ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวางทุกขั้นตอนและนําความคิดเห็นเหล่านั้นมาเป็นข้อคํานึงพิเศษ ในการยกร่างและพิจารณาแปรญัตติโดยต่อเนื่อง

     ร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่จัดทําใหม่นี้มีสาระสําคัญเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกันของประชาชนชาวไทย ในการธํารงรักษาไว้ซึ่งเอกราชและความมั่นคงของชาติ การทํานุบํารุงรักษาศาสนาทุกศาสนาให้สถิตสถาพร การเทิดทูนพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และเป็นมิ่งขวัญของชาติ การยึดถือระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเป็นวิถีทางในการปกครองประเทศ การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ให้ประชาชนมีบทบาทและมีส่วนร่วมในการปกครอง และตรวจสอบการใช้อํานาจรัฐอย่างเป็นรูปธรรม การกําหนดกลไกสถาบันทางการเมืองทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหาร ให้มีดุลยภาพและประสิทธิภาพตามวิถีการปกครองแบบรัฐสภา รวมทั้งให้สถาบันศาล และองค์กรอิสระอื่นสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้โดยสุจริตเที่ยงธรรม

     เมื่อจัดทําร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว สภาร่างรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่ให้ประชาชนทราบและจัดให้มีการออกเสียงประชามติเพื่อให้ความเห็นชอบแก่ร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ การออกเสียงลงประชามติ ปรากฏผลว่า ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยเสียงข้างมากของผู้มาออกเสียงประชามติเห็นชอบให้นําร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาใช้บังคับ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติจึงนําร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ให้ประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยสืบไป ทรงพระราชดําริว่าสมควรพระราชทานพระบรมราชานุมัติตามมติของมหาชน

     จึงมีพระบรมราชโองการดํารัสเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมให้ตรารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับนี้ขึ้นไว้ ให้ใช้แทนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๔๙ ซึ่งได้ตราไว้ ณ วันที่ ๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙ ตั้งแต่วันประกาศนี้เป็นต้นไป

     ขอปวงชนชาวไทย จงมีความสมัครสโมสรเป็นเอกฉันท์ ในอันที่จะปฏิบัติตามและพิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนี้ เพื่อธํารงคงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยและอํานาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทย และนํามาซึ่งความผาสุกสิริสวัสดิ์พิพัฒนชัยมงคลอเนกศุภผลสกลเกียรติยศสถาพรแก่อาณาประชาราษฎรทั่วสยามรัฐสีมา สมดั่งพระบรมราชปณิธานปรารถนาทุกประการ เทอญ
 

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
มีชัย ฤชุพันธุ์
ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ



     ขอบคุณแหล่งข้อมูล

วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2557

วันพ่อแห่งชาติ 2557 / ADMIN - SJ (TONAN ASIA AUTOTECH)

วันพ่อแห่งชาติ 2557
วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ 2557
วันพ่อแห่งชาติ
 วันพ่อแห่งชาติ 2557

งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธันวามหาราช ประจำปี พ.ศ. 2557

      พ.ต.อ.ดุสิต  สมศักดิ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1(บก.น.1) แจ้งว่า ในพื้นที่ชันในของบก.น.1จะมีการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 5 ธันวามหาราช โดยกิจกรรมจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย.-7 ธ.ค.2557 ดังนี้ 

     วันที่ 29 พ.ย. 2557 จะมีพิธีสวนสนามเทิดพระเกียรติในช่วงเวลา 8.00 น.-16.30 น.บริเวณท้องสนามหลวง

     วันที่ 30 พ.ย.2557 เป็นวันแรกของการจัดกิจกรรมวันพ่อโดยรัฐบาลและมูลนิธิ 5 ธันวา  ซึ่งในเวลา 05.30 น.จะมีพิธีเดินเฉลิมพระเกียรติ เส้นทางโดยรอบพระบรมมหาราชวัง และสนามหลวง เวลา 13.00-16.30 น.มีพิธีสวนสนามเทิดพระเกียรติ และในเวลา 16.00น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีร่วมปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติโดยขบวนจักรยานจะเริ่มตั้งแต่บริเวณลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ถนนราชดำเนินไปจนถึงถนนรอบพระบรมมหาราชวัง  ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวอาจจะต้องมีการปิดการจราจรโดยปริยาย แนะประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางในวันเวลาดังกล่าว

     วันที 1 ธ.ค. 2557 ในเวลา 16.00 น. มีพิธีเปิดงานกิจกรรมวันพ่อโดยพล.อ.ประยุทธ  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รวมทั้งยังมีพิธีบวงสรวง พระสยามเทวาธิราชและสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาราชเจ้า บริเวณท้องสนามหลวง

     วันที่ 2 ธ.ค.2557 เวลา 13.00-16.30 น.จัดพิธีสวนสนามเทิดพระเกียรติ เวลา 15.30 น. มีพิธีปลงผมนาค และเวลา 18.19 น.มีพิธีทำขวัญนาคโดยพระพยอม  กัลยาโณ ขึ้นแสดงธรรมสอนนาค บริเวณท้องสนามหลวง

     วันที่ 3 ธ.ค.2557 เวลา 8.30-16.00 น.มีพิธีอุปสมบทและการแสดงต่างๆบนเวทีกลางแจ้ง พร้อมกับซ้อมงานตรึงหมุด  บริเวณท้องสนามหลวง

     วันที่ 4 ธ.ค.2557 ตั้งแต่เวลา 13.30 -15.30 น.เปิดงานวันที่ 5 ธันวาฯ และพิธีเปิดงานพระพุทธมณต์ พิธีถวายพระพรชัยของศาสนาต่างๆ บริเวณท้องสนามหลวง

     วันที่ 5 ธ.ค.2557 เวลา 6.30 น.มีพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ และเสด็จออกมหาสมาคม และพิธียิงสลุตที่บริเวณท้องสนามหลวง รวมทั้งจะมีการวิ่งเทอดพระเกียรติตั้งบริเวณโรงพยาบาลศิริราชถึงท้องสนามหลวง ผ่านสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าเข้าถนนราชดำเนิน  เวลา 15.40 น.-23.40 น.เริ่มเข้าสู่พิธีการถวายเครื่องรสชสักการะและจุดเทียนชัยถวายพระพร

     วันที่  7 ธ.ค.2557 ในเวลา 17.30-20.00 น. น.ทำเนียบรัฐบาลจัดงานสโมสรสันนิบาต โดยจะปิดการจราจรในเส้นทางโดยรอบทำเนียบรัฐบาลได้แก่ถนนราชดำเนิน ถนนพิษณุโลก ถนนลูกหลวง ซึ่งประชาชนจะสามารถผ่านได้เฉพาะถนนเลียบคลองผดุงกรุงเกษมฝั่งด้านนอกเท่านั้น แนะประชาชนเลี่ยงเส้นทางเพื่อลดกระทบด้านการจราจร  อย่างไรก็ตามตลอดทั้ง 8 วันที่มีการจัดกิจกรรมเทอดพระเกีบตริถนนในพื้นที่กรุงเทพชั้นในและถนนรอบเกาะรัตนโกสินทร์อาจจะได้รับผลกระทบทำให้การจราจรติดขัดอาทิ ถนนราชดำเนินตลอดทั้งเส้น  ถนนหน้าพระลาน  ถนนหน้าพระธาตุ  ถนนพระสุเมรุ สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า โดยเฉพาะบริเวณรอบท้องสนามหลวงแนะประชาชนหลีกเลี่ยงในจุดที่มีการจัดงานเพื่อลดผลกระทบด้านการจราจร หรือหากต้องการสอบถามเส้นทางการจราจรสามรถโทรไปยังสายด่วนจราจร 1197 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
วันพ่อแห่งชาติ

วันพ่อแห่งชาติ

วันพ่อแห่งชาติ

วันพ่อแห่งชาติ 2557 ประวัติความเป็นมาความสำคัญของวันพ่อ

    พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (ราชบัณฑิตยสถาน พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 หน้า 587) พ.ศ. 2525 ได้ให้ความหมายคำว่า “พ่อ” ไว้ดังนี้
     พ่อ หมายถึง ชายผู้ให้กำเนิดแก่ลูก, คำที่ลูกเรียกชายผู้ให้กำเนิดตน
     ในทางพุทธศาสนา ได้ให้ความหมายของคำว่า “พ่อ” หมายถึง ชายผู้ให้กำเนิดแก่ลูกมีใช้หลายคำ เช่น
         
     - บิดา (พ่อ)
     - ชนก (ผู้ให้กำเนิด)
     - สามี (ผัวของแม่) เป็นต้น
     วันพ่อแห่งชาติ  5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทางราชการได้กำหนดให้เป็นวันหยุดราชการหนึ่งวัน เพื่อให้ประชาชนชาวไทย ได้ร่วมกันเฉลิมฉลองในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและถือเป็นวันพ่อแห่งชาติ อีกวันหนึ่งด้วย
      วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือวันพ่อแห่งชาติ มีความเป็นมาของวันสำคัญ คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชสมภพเมื่อ วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ณ โรงพยาบาล เมาท์ ออเบิร์น นครบอสตัน สหรัฐอเมริกา โดยนายแพทย์วิทท์มอร์เป็นผู้ถวายการประสูติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นรัชกาลที่ 9 แห่งบรมจักรีวงศ์ กรุงรัตนโกสินทร์ ทรงประกอบพระราชกรณียกิจและเจริญพระราชจริยาวัตรเป็นเอนกประการจำเนียรกาลผ่านมาถึงปัจจุบันที่สุดจะพรรณนาให้ครบถ้วนได้ท่ามกลางมหาสมาคมวันพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษกทรงมีกระแสพระราชดำรัสที่ พสกนิกรทุกคนยังจดจำได้ “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม” อันคำว่าโดย “ธรรม” นั้น ทรงหมายถึง ธรรมอันล้ำเลิศที่เรียกว่า “ทศพิธราชธรรม” หรือที่เรียกกันโดยสามัญว่า “ราชธรรม 10 ประการ”
วันพ่อแห่งชาติ 2554 
พระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง 
     ราชธรรม 10 ประการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงยึดมั่นทรงปฎิบัติโดยเคร่งครัด และส่งผลถึงพสกนิกรทั่วพระราชอาณาจักรนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเหนือเกล้าฯ ห่วงใยตั้งแต่พระเยาว์จนถึงปัจจุบัน รวมทั้งพระเจ้าหลานเธอทุกพระองค์ต่างซาบซึ้งและปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณอย่างมิรู้ลืม พระองค์ทรงเป็น “พ่อ” ตัวอย่างของปวงชนชาวไทยที่เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตากรุณา ทรงห่วงใยอย่างหาที่เปรียบมิได้
     “...บ้านเมืองของเราเป็นปึกแผ่นร่มเย็นปกติสุขมาช้านาน เพราะเรามีความยึดมั่นในชาติและต่างร่วมมือร่วมแรงร่วมใจกันทำหน้าที่โดยนึกถึงประโยชน์ส่วนรวมของชาติเป็นเป้าหมายสำคัญสูงสุด ท่านทั้งหลายในสมาคมนี้ ตลอดจนคนไทยทุกหมู่เหล่า จึงควรทำความเข้าใจในหน้าที่ของตนไว้ให้กระจ่างและนำไปปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ด้วยความไม่ประมาท และด้วยความมีสติ…”
      (พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม ณ พระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง) 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นพุทธศาสนิกชนที่มีพระราช<a href=http://www.dmc.tv/search/ศรัทธา title='ศรัทธา' target=_blank><font color=#333333>ศรัทธา</font></a>ใน<a href=http://www.dmc.tv/search/พระพุทธศาสนา title='พระพุทธศาสนา' target=_blank><font color=#333333>พระพุทธศาสนา</font></a>เป็นที่ยิ่ง 
พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงได้รับสมญานามจากพระราชอุปัชฌาจารย์ ว่า “ภูมิพโล” 
        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นพุทธศาสนิกชนที่มีพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นที่ยิ่ง เมื่อพุทธศักราช 2499 มีพระราชประสงค์ที่จะทรงพระผนวชในพระบวรพุทธศาสนาตามโบราณราชประเพณี นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลพระกรุณาขอรับพระราชภาระสนองพระเดชพระคุณในการทรงพระผนวชในนามของรัฐบาลและประชาชนชาวไทยและได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้แต่งตั้งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ด้วยความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร

     ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้ทรงพระผนวชในพระบวรพุทธศาสนา 15 วัน ระหว่างวันที่ 22 ตุลาคม - 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2499

กิจกรรมที่ควรปฎิบัติในวันพ่อแห่งชาตินี้

      1. ในวันพ่อแห่งชาติเราควรประดับธงชาติไทยที่อาคารบ้านเรือน

      2. จัดพิธีศาสนสงฆ์ ทำบุญใส่บาตร อุทิศเป็นพระราชกุศล น้อมเกล้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล

     3. จัดกิจกรรมเกี่ยวกับการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล

ความเป็นมาของวันพ่อแห่งชาติ  

      วันพ่อแห่งชาติ ได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2523 โดยคุณหญิงเนื้อทิพย์ เสมรสุต นายกสมาคมผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษาเป็นผู้ริเริ่มหลักการและเหตุผลในการจัดตั้งวันพ่อแห่งชาติ พ่อเป็นผู้มีพระคุณที่มีบทบาทสำคัญต่อครอบครัวและสังคม สมควรที่ผู้เป็นลูกจะเคารพเทิดทูนตอบแทนพระคุณด้วยความกตัญญู และสมควรที่สังคมจะยกย่องให้เกียรติรำลึกถึงผู้เป็นพ่อ จึงถือเอาวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปีซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาเป็น “วันพ่อแห่งชาติ” ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยอย่างนานัปการ ทรงเป็นพระราชบิดาของพระราชโอรสและพระราชธิดา ทรงรักใคร่และให้ดอกพุทธรักษาเป็นสัญลักษณ์ วันพ่อแห่งชาติ

ทุกบุปผา มาลัยคือใจราษฎร์ ภักดีบาทองค์บพิตรเป็นนิจสิน
พระ คือ บิดาข้าแผ่นดิน ร่วมร้อยรินมาลัยถวายพระพร
ลุ 5 ธันวามหาราช “วันพ่อแห่งชาติ” คือองค์อดิศร
พระเปี่ยมล้นด้วยเมตตาเอื้ออาทร พสกนิกรเป็นสุขทุกคืนวัน 
    
ด้วยพ่อเป็นบุคคลผู้มีพระคุณ มีบทบาทสำคัญต่อครอบครัวและสังคม สมควรที่ผู้เป็นลูกจะเคารพ เทิดทูน และตอบแทนพระคุณด้วยความกตัญญู และสังคมควรที่จะยกย่องให้เกียรติรำลึกถึงผู้เป็นพ่อนี่เป็นที่มาของการจัดให้มี วันพ่อแห่งชาติ
วันพ่อแห่งชาติตรงกับวันเฉลิมพระชนพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
 วันพ่อแห่งชาติหรือวันเฉลิมพระชนพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

5 ธันวาวันพ่อแห่งชาติ  

      5 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและยังเป็นวันพ่อแห่งชาติ เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะพ่อแห่งชาติ อีกทั้งทรงเป็นพ่อตัวอย่างของปวงชนชาวไทย ที่เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตากรุณา ทรงบำเพ็ญคุณานุประโยชน์แก่ประเทศชาติ และประชาชน ทรงพระมหากรุณาทะนุบำรุงขจัดทุกข์ผดุงสุขพสกนิกรถ้วนหน้า พระองค์ทรงเป็น พ่อแห่งชาติที่อาณาประชาราษฎร์เทิดทูนด้วยความจงรักภักดี สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และยึดมั่นในการเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทในการทะนุบำรุงชาติบ้านเมืองให้ วัฒนาถาวรสืบไป ซึ่งมีวัตถุประสงค์ของวันพ่อแห่งชาติ 4 ประการ คือ
1.       เพื่อเทิดทูนพระเกียรติคุณของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
2.       เพื่อเทิดทูนพระคุณของพ่อ และยกย่องบทบาทของพ่อที่มีต่อครอบครัวและสังคม
3.       เพื่อให้ลูกได้แสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อ
4.       เพื่อให้ผู้เป็นพ่อ สำนึกในหน้าที่และความรับผิดชอบของตน  
วันพ่อแห่งชาติ ในประเทศไทยตรงกับวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี
วันพ่อแห่งชาติ ในประเทศไทยตรงกับวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี
ดอกไม้ประจำวันพ่อแห่งชาติ
     วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปีเป็นวันพ่อแห่งชาติ กำหนดขึ้นครั้งแรก ในปี 2523 และ กำหนดให้ ดอกพุทธรักษาสีเหลือง เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ประจำวันพ่อแห่งชาติ
วันพ่อแห่งชาติมีดอกพุทธรักษาเป็นสัญลักษณ์ประจำ
ดอกพุทธรักษาสีเหลือง เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ประจำวันพ่อแห่งชาติ

     “พุทธรักษา” ซึ่งหมายถึง พระพุทธเจ้าทรงปกป้องคุ้มครอง ให้มีแต่ความสงบสุขร่มเย็น ซึ่งมีเรียกกันมากว่า 200 ปี และสีเหลืองอันเป็นสีประจำวัน พระราชสมภพขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ของปวงชนชาวไทย การมอบดอกพุทธรักษาให้กับพ่อ จึงเสมือนกับการบอกถึง ความรักและเคารพบูชาพ่อ ผู้สร้างความสงบสุขร่มเย็นให้แก่ครอบครัว
     คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นพุทธรักษาไว้ประจำบ้านจะช่วยปกป้องคุ้มครอง ไม่ให้มีเหตุร้ายหรืออันตรายเกิดแก่บ้านและผู้อาศัย เ
บทบาทของพ่อ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสรุปบทบาทหน้าที่ของพ่อและแม่ไว้ 5 ข้อ

1.       กันลูกออกจากความชั่ว
2.       ปลูกฝังลูกไว้ในทางที่ดี
3.       ให้ลูกได้รับการศึกษาเล่าเรียน
4.       ให้ลูกได้แต่งงานกับคนดี
5.       มอบทรัพย์มรดกให้เมื่อถึงการณ์อันควร
วันพ่อแห่งชาติของแต่ละประเทศจะแตกต่างกันออกไป


วันพ่อแห่งชาตินั้นทั่วโลกจะมีการจัดแตกต่างกันไป โดยในประเทศไทยจัดตรงกับวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี

     ในส่วนของพ่อเองก็ต้องตั้งใจฝึกตนเองให้ดี ให้เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกให้ได้  หาเวลามาทำกิจกรรมร่วมกัน จะได้มีเวลาแนะนำอบรมสั่งสอนกันเพื่อครอบครัวจะได้ เป็นครอบครัวอบอุ่น โดยในวันพ่อที่จะถึงนี้ ก็ขออวยพรให้คุณพ่อทุกท่านมีความสุข ดูแลลูกๆ และอยู่กับลูกๆ ไปตราบนานเท่านาน



       ขอบคุณแหล่งข้อมูล