ปฎิเสธไม่ได้เลยนะคะว่าเดี๋ยวนี้สาวๆ อย่างเรา นอกจากจะต้องสวยเป๊ะทุกวันแล้ว ยังต้องมีความทรหดอดทนเพิ่มขึ้นมากเป็นพิเศษอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นภาระทางหน้าที่การงาน ไหนจะเป็นภาระในการดูแลบ้าน, คนที่เรารัก และตัวเราเอง สิ่งเหล่านี้มักจะทำให้เราใช้ร่างกายของเราอย่างหนัก และอาจทำให้เราละเลยการดูแลตัวเองที่เหมาะสมได้ ซึ่งแน่นอนเลยว่าโรคภัยไข้เจ็บอาจจะมาเยือนเราโดยไม่รู้ตัวเลยทีเดียว
ขยันทำงานนั้นเยี่ยม! แต่ต้องระวังร่างกายให้ดีนะคะ
การที่ผู้หญิงอย่างเราเก่งขึ้นทุกวัน เป็น Working Women ทำงานหนักมากขึ้น เคียงบ่าเคียงไหล่หนุ่มๆ แถมบางทียังต้องนั่งทำโอทีต่อดึกๆ แน่นอนว่า ความสวยจะยังเป็นสิ่งที่ละทิ้งไปไม่ได้! ใส่ส้นสูงเดินไปเดินมาทั้งวันเพื่อความภูมิฐาน แถมบางทีต้องวิ่งรอกไปหาลูกค้าให้ทันเวลาอีก โถๆ ชีวิตผู้หญิงอย่างเรายุคนี้ไม่ง่ายเลยนะคะ แต่หารู้ไม่การที่เรามีพฤติกรรมแบบนี้ทั้งวัน ร่างกายของเราอยู่ในท่าเดิมๆ มาตลอดเวลา โดยไม่ได้มีการผ่อนคลายบ้าง อาจจะทำให้เราเป็นโรค Office Syndrome โดยที่ไม่รู้ตัวเลยล่ะค่ะ
สำหรับใครที่อยากจะรู้ว่าตัวเรานั้นจะเป็น Office Syndrome หรือปล่าวน้า วันนี้เรามีข้อมูลจะมาเฉลย ให้สาวๆ ทุกคนได้อ่านกันนะคะ
ภัยร้ายอันตราย! แถมใกล้ตัวสาวๆ ทุกคน
Office Syndrome คือกลุ่มอาการที่พบบ่อยในคน วัยทำงาน ออฟฟิศอย่างเราๆ เนื่องด้วยสภาพแวดล้อมและอิริยาบทที่ไม่เหมาะสมค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการนั่งทำงานตลอดเวลา โดยที่ไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกาย สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ตาพร่ามัว แสบตา ตะคริว ปวดศรีษะ เวียนศีรษะ ปวดท้องเนื่องจากความเครียด หรือรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา กระเพาะปัสสาวะอักเสบ แต่ที่พบได้บ่อยคือ กล้ามเนื้ออักเสบรวมถึงการปวดเมื่อยตามอวัยวะต่างๆ อาทิ หลัง ไหล่ บ่า แขน หรือข้อมือได้ค่ะ
นอกจากอิริยาบทของการที่ไม่เหมาะสมแล้ว ยังรวมถึงสภาพโต๊ะทำงานที่เรานั่งอยู่ทุกวัน เป็นปัจจัยสำคัญด้วยนะคะ โต๊ะทำงานที่ไม่ได้มาตรฐาน สูงเกิน ต่ำเกิน หรือโต๊ะทำงานที่ไม่เป็นระเบียบ ไม่สะดวกต่อการหยิบสิ่งของ แน่นอนว่าถ้าเราเลือกเก้าอี้นั่งไม่เหมาะสม ไม่มีพนักพิงที่รองรับหลังอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการกดแป้นคียบอร์ดที่ไม่มีตัวรองรับข้อมือ จะทำให้มีการกระดกข้อมือขึ้นลงซ้ำๆ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการอักเสบบริเวณเส้นเอ็น รวมทั้งเกิดภาวะพังผืดหนา ทำให้เกิดอาการชาบริเวณนิ้วหรือบริเวณข้อมือได้ค่ะ
วันนี้ขอหยิบตัวอย่าง Office Syndrome มาสักหนึ่งโรคค่ะ เชื่อได้ว่าสาวๆ ทั้งหลายมีปัญหากับโรคนี้อยู่ไม่น้อยค่ะ
โรคปวดหลังเรื้อรัง เป็นแล้วทรมาณ รำคาญตัวเอง
ถ้าสาวๆ คนไหนที่เป็นโรคปวดหลังเป็นประจำล่ะก็ ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีสาเหตุมากจากการใช้ชีวิตอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์วันละ 8 ชั่วโมงเป็นต้นไป หรือไม่ก็เป็นเพราะว่าเราชอบใส่รองเท้าส้นสูงบ่อย ๆ เพราะปัจจัยเหล่านี้ อาจเป็นสาเหตุสำคัญของอาการปวดคอ บ่า ไหล่ หลัง แขน ขา และสะโพก อันเกิดเนื่องมาจากโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลังได้ค่ะ
โรคปวดหลังนั้นสามารถแบ่งออกไป 2 ประเภทดังนี้
1.ปวดหลังแบบเฉียบพลัน อาการมักจะไม่เกิน 6 สัปดาห์
2. ปวดหลังเรื้อรัง มีอาการปวดมากกว่า 12 สัปดาห์
สำหรับสาวๆ คนไหนที่เริ่มมีอาการปวดหลังแล้ว การรักษาโรคนี้หากมีอาการปวดมาก ให้นอนหงายบนพื้น แล้วใช้เท้าพาดบนเก้าอี้ให้เข่างอเป็นมุมฉาก สักครู่หนึ่งก็อาจทุเลาได้ หรือจะยาทาแก้ปวด แก้อักเสบที่มีตัวยาไอบูโพรเฟนควบคู่ไปด้วย ตัวยานี้จะยับยั้งสารที่ทำให้กล้ามเนื้อเกิดอาการปวดและอักเสบโดยตรง จึงมีประสิทธิภาพดีกว่ายาสูตรร้อน-เย็นที่บรรเทาอาการปวดได้เพียงอย่างเดียว และบรรเทาอาการเพียงชั่วคราว แถมยังไม่มีกลิ่นฉุนรบกวนเพื่อนร่วมงานระหว่างทำงานอีกด้วย แน่นอนว่าวิธีเหล่านี้ก็จะช่วยบรรเทาอาการปวดให้เราได้จริง แต่สุดท้ายเราก็ต้องปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของเราด้วยค่ะ และหากอาการไม่ดีขึ้น หรือปวดหลังแบบเรื้อรัง ก็ควรพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องนะคะ
โยคะผิดท่า พิราทิสผิดวิธี โรคภัยจะมาหานะ!
นอกจากสาเหตุของ Office Syndrome ที่ทำเราเกิดอาการปวดเมื่อยตามร่างกายแล้ว สมัยนี้สารพัดกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจก็อาจจะทำให้สาวเกิดอาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้เหมือนกันค่ะ ตัวอย่างเช่น การเข้าฟิตเนส การปั่นจักรยาน โยคะ พิราทิส หรือจะเป็น วิ่งมาราธอน T25 ฯลฯ เรียกได้ว่าแทบจะลิสต์ไม่หมดภายในวันสองวันเลยค่ะ เพราะมันเยอะมาก
แน่นอนว่าสาวๆ อย่างเราก็ต้องตามเทรนด์แน่นอน บางคนเห็นเค้าฮิตเล่นกัน เลยเล่นตามโดยลืมจุดที่เหมาะสมที่ร่างกายของเราจะรับได้ หรือบางทีเล่นไม่ถูกวิธีและไม่ได้มีการวอร์มร่างกายก่อน พอหลังจากออกกำลังปุ๊บเรียกได้ว่า แทบคลานค่ะ ปวดเมื่อยไปทั้งตัวและร่างกาย
เพราะว่าหากเราออกกำลังกายอย่างหักโหมแล้วนั้น เส้นใยเล็กๆ ภายในกล้ามเนื้อของเราก็จะมีการฉีกขาด อันเนื่องมาจากมีการออกแรงหรือใช้งานมากกว่าที่เคยทำเป็นประจำ โดยเราจะเรียกกันว่า DOMS หรือ Delayed Onset Muscle Soreness ค่ะ ส่วนใหญ่แล้วอาการแบบนี้ มักจะเกิดกับคนที่เพิ่งเริ่มออกกำลังกายใหม่ๆ ไม่ก็เกิดขึ้นกับสาวๆ อย่างเราก็ไม่ค่อยจะมีเวลาได้ออกกำลังกายนัก จนทิ้งช่วงไปนานนั่นเอง
สำหรับอาการปวดเมื่อยและเจ็บกล้ามเนื้อในลักษณะของ DOMS นี้ บางคนอาจจะเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “ถ้าเจ็บก็ให้ไปเล่นซ้ำ” ซึ่งตามหลักความจริงนั้นถูกต้องเพียงบางส่วน เพราะการกลับไปออกกำลังกายซ้ำในบริเวณกล้ามเนื้อกลุ่มเดิมนั้น ควรจะต้องรอประมาณ 48 ชั่วโมง เพื่อให้กล้ามเนื้อหรือเส้นใยที่ฉีกขาดมีการพักและซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพที่พร้อมจะออกกำลังกายต่อไปก่อนค่ะ
สำหรับอาการปวดเมื่อยและเจ็บกล้ามเนื้อในลักษณะของ DOMS นี้ บางคนอาจจะเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “ถ้าเจ็บก็ให้ไปเล่นซ้ำ” ซึ่งตามหลักความจริงนั้นถูกต้องเพียงบางส่วน เพราะการกลับไปออกกำลังกายซ้ำในบริเวณกล้ามเนื้อกลุ่มเดิมนั้น ควรจะต้องรอประมาณ 48 ชั่วโมง เพื่อให้กล้ามเนื้อหรือเส้นใยที่ฉีกขาดมีการพักและซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพที่พร้อมจะออกกำลังกายต่อไปก่อนค่ะ
แล้วเราจะแก้อาการปวดจาก DOMS ได้ยังไงกันหนอ?
วิธีแก้นั้นก็ไม่ยากค่ะ เราอาจะต้องวอร์มร่างกาย (Warm up) ก่อนเล่นกิจกรรมนั้นๆ ค่ะ แน่นอนว่าก่อนที่เราจะเลิกออกกำลังกายก็ควรจะทำการวอร์มเบาๆ อีกรอบ (Cool Down) เพื่อที่จะลดความหนักของการที่กล้ามเนื้อของเราที่ได้ออกกำลังกายส่วนนั้นๆ ไป โดยใช้วิธีการ ยืดกล้ามเนื้อแบบค้างไว้ชั่วครู่ หรือที่เรียกว่า static stretching เพื่อลดการเกิดตะคริวและการตึงตัวของกล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดแบบDOMS ได้พอสมควรนั่นเองค่ะ
นอกจากนั้นการที่เราซาวน่าหรือสตรีม ก็ถือเป็นอีกหนทางที่ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้เหมือนกันนะ ส่วนใครที่ยังมีอาการปวดกล้ามเนื้อค้างอยู่ เราก็ขอแนะนำให้ก่อนนอน ลองนวดเฟ้นในจุดที่ปวดเบาๆ อาจจะลองใช้ยาทาแก้ปวดและอักเสบของกล้ามเนื้อที่มีตัวยาไอบูโพรเฟนควบคู่ไปด้วย เพราะว่าตัวยานี้จะยับยั้งสารที่ทำให้กล้ามเนื้อเกิดอาการปวดและอักเสบโดยตรง ทำให้เราหลับสบายขึ้น ไม่ร้องโอดโอยเพราะความปวดกล้ามเนื้อตอนดึกๆ นะคะ
หวังว่าสาวๆ หลายคนคงได้ความรู้จากการแก้ปัญหาปวดเมื่อย ตามร่างกาย ที่มีสาเหตุมาจาก Office Syndrome หรือจากกิจกรรมอันหนักหน่วงไปกันเรียบร้อยแล้ว ยังไงก็ขอให้ทุกคนอย่าลืมดูแลสุขภาพร่างกายของเราให้ดี ดังประโยคที่กล่าวไว้ว่า “อโรคยา ปรมาลาภา ….ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ” ค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น