วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557

วิธีใช้งาน vernier caliper scale / Admin SD (Tonanasia Autotech)


vernier caliper 

เป็นเครื่องในการวัดละเอียดอีกอันหนึ่งที่นิยมใช้งานในปัจจุบัน ทั้งนี้
vernier caliper มีทั้งที่ใช้แบบเป็น scale และแบบ digital และมี
การใช้หน่วยวัดค่าทั้งแบบ inch.(นิ้ว) และ แบบ matrix (mm.) 
แต่ในที่นี้ผมขอยกตัวอย่างการใช้งาน ระบบ mm. เพื่อเป็นพื้นฐาน
ก่อนนะครับ





ส่วนประกอบของ vernier caliper ส่วนประกอบของจะแบ่งออก หลักดังภาพด้านขวามือ

1.Jaw for measuring outer dimensions                   
   จะใช้สำหรับวัด dimensions นอก
2.Jaw for measuring inner dimensions
   จะใช้สำหรับวัด dimensions ใน
3.Screw Clamp
   มีหน้าที่ Lock scale vernier ไม่ให้เคลื่อนที่
4.Vernier Scale 
   เป็น scale ที่ใช้อ่านค่าละเอียด
5.Main Scale
   เป็น scale หยาบ  
6.Stem for measuring depths
   เป็นส่วนที่ใช้สำหรับวัดความลึกของชิ้นงาน

 
ลักษณะการใช้วัดค่าชิ้นงานของ Vernier Caliper

ก.วัดค่า dimensions นอก

ข.วัดค่า dimensions ใน

ค.วัดค่าควาลึกของชิ้นงาน





วิธีอ่านค่า scale ของ Vernier Caliper

1.ให้อ่านค่า main scale ก่อนครับ จากภาพครับให้     สังเกตุเลข 0 ของ scale ละเอียดครับ ค่า main       scale จะสิ้นสุดที่ เลข 0 ของscale ละเอียดครับ
    ในภาพ main scale นับได้ 16 scale และ 16              scale หยาบเท่ากับ
    16 mm. ครับ 1 scale เท่ากับ 1mm. ครับ 
2.ต่อมาเราจะต้องมาอ่านค่าของ scale ละเอียด           เพื่อนำไปบวกกับค่า main
    scale ครับเพราะเลข 0 ของ scaleละเอียดเลย         scale ที่ 16 มานิดหน่อย แสดงว่าค่าของ vernier    ในภาพนี้ไม่ใช่ 16 mm. เปะๆ นะครับ
   
    ค่าละเอียดให้ check ที่ scale ละเอียดว่า scale ละเอียดใหนตรงกับ scale หยาบที่สุด แล้วนำ scale นั้น     ไปหาค่าละเอียด ในที่นี้ คือ scale ที่ 5 (เลยเลข 2 มา 1 scale = 5 scale เราจะต้อง นำ 5 ไปคูณกับค่า         ละเอียด ของ vernier คือ 0.05 mm.) จะได้ค่าดังนี้  5x0.05 = 0.25 mm. 
    3. นำค่า scale หยาบ บวก กับ scale ละเอียด 16 mm. + 0.25 mm. = 16.25 mm. ครับ

** ค่า ละเอียดไม่ได้ คูณกับ 0.05 เสมอไปขึ้นอยู่กับค่าละเอียดของ vernier caliper
ที่ใช้งานครับ **

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : http://tecnicainthai.blogspot.com/2014/07/vernier-caliper-scale.html

วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2557

กระดูกอ่อนซ่า (Stir fry pork spare rib with red curry paste) / ADMIN - SJ (TONAN ASIA AUTOTECH)

กระดูกอ่อนซ่า (Stir fry pork spare rib with red curry paste) 


สูตรกระดูกอ่อนซ่า (Stir fry pork spare rib with red curry paste)

ส่วนผสม และ วัตถุดิบ
  

ส่วนประกอบ

กระดูกอ่อน สับเป็นชิ้นพอดีคำ 250 กรัม
น้ำพริกแกงเผ็ด 80 กรัม
หน่อไม้ต้มหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 50 กรัม
มะเขือเปราะผ่าสี่ส่วน 50 กรัม
กระชายซอย 25 กรัม
พริกไทยอ่อนตัดเป็นท่อนสั้นๆ 25 กรัม
ใบมะกรูดฉีก 25 กรัม
พริกชี้ฟ้าซอย 2-3 เม็ด
นมสด ½ ถ้วย


เครื่องปรุง

น้ำตาลทราย ½ ช้อนชา
น้ำปลา 2-3 ช้อนโต๊ะ


Ingredients

250 g chopped into bite size, pork spare rib80 g red curry paste50 g pre boiled bamboo shoot, diced 1*1 size (boil in rapid boiling water for 45 minutes before using)50 g quartered eggplants25 g julienned fingerroots25 g trimmed fresh peppercorn25 g hand torn kaffir lime leaves25 g thinly sliced goat pepper½ c. fresh milk

Sesonings 

½ tsp. sugar2-3 tbs. fish sauce


วิธีทำ

1. ตั้งน้ำน้อยๆในหม้อบนไฟอ่อนๆ กะว่าให้ท่วมกระดูกหมูพอดีๆ ใส่กระดูกหมูลงไปเคี่ยวจนกระดูกหมูเริ่มจะเปื่อยดี
Bring water just to cover pork spare rib, add pork spare rib and simmer over the lowest heat until tender (approx. 35-45 minutes)
Recipe 186255680902.jpgRecipe 186255680915.jpgRecipe 186255680927.jpg 

2. เร่งไฟเป็นไฟกลางๆ ใส่น้ำพริกแกงเผ็ดลงผัด คนน้ำพริกแกงเผ็ดละลายดี แล้วผัดให้หอมๆ ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลา ใส่ใบมะกรูดลงไปครึ่งหนึ่ง แล้วผัดให้เข้ากัน
Turn the heat up to medium, add red curry paste and stir well until curry paste is well dissolved. Continue to stir for a moment until curry paste are fragrant, season with sugar and fish sauce and add half of kaffir lime leaves. Stir in.
Recipe 186255681030.jpgRecipe 186255681043.jpgRecipe 186255681057.jpg 

3. ใส่หน่อไม้ต้ม กระชาย ผัดให้เข้ากัน
Add cubed bamboo, fingerroots and stir well.
Recipe 186255681218.jpgRecipe 186255681231.jpgRecipe 186255681245.jpg 

4. ใส่มะเขือเปราะ ตามด้วยนมสด ใส่ใบมะกรูดที่เหลือ แล้วผัดเข้ากัน
Add eggplants, fresh milk and the remaining kaffir lime leaves.
Recipe 186255681502.jpgRecipe 186255681515.jpgRecipe 186255681531.jpg 

5. สุดท้ายใส่พริกไทยอ่อน พริกชี้ฟ้าซอย ผัดให้เข้ากันอีกที ปิดไฟได้
Finally, add in peppercorn, thinly sliced goat pepper and stir well once again before tuning the heat off.
Recipe 186255681725.jpgRecipe 186255681742.jpgRecipe 186255681829.jpg 

6. ตักเสิร์ฟ
Ready to serve.
Recipe 186255682037.jpgRecipe 186255682051.jpgRecipe 186255682105.jpg

มาทำความรู้จักกับ Smartplugs มากขึ้นด้วย Q & A กันค่ะ

มาทำความรู้จักกับ Smartplugs มากขึ้นด้วย Q & A กันค่ะ

Products: Smartplugs ใช้วัดขนาดรูในเวลาที่รวดเร็วมากๆ
Brand: Bowers Metrology (Made in UK) 

Q: What is the product range of Smartplugs.
A:  6-20mm (0.236″- 0.787″) with M6x0.75 thread fitting.
15-280mm (0.590″-11.025″) with M10x1 thread fitting.

Q:What is the working range of each SmartPlug, in other words the measuring range of the anvils.
A: 0.15mm for the 6-20mm range
0.20mm for the 15-280mm range

Q:How far do the anvils extend past the working range.
A:0.05 to 0.15mm

Q:What diameter is the plug body manufactured to.
A:The following diametrical clearances to the bore being measured are allowed:-
-0.02/-0.04mm (-.0007″/-.0016″) 6-20mm M6 range
-0.02/-0.05mm (-.0007″/-.0020″) 15-37.1mm M10 range
-0.03/-0.06mm (-.0011″/-.0024″) 37.1-70.1mm M10 range
-0.04/-0.07mm (-.0015″/-.0028″) 70.1-280mm M10 range

Q:What criteria will ensure SmartPlug performance.
A:The outside diameter of the plug sets the positions of the measuring anvils in the bore and ensures repeatability. A shallow guide depth in the bore or a large difference between the plug outside diameter and the bore diameter will impair repeatability.

Q:Accuracy specification of SmartPlugs.
A: Repeatability: ≤ 1 micron
Linearity: nominal ± 1%

Q:Accuracy specification of indicators
A: Model                    Max Error /Repeatability
Type A (mini indicator) 5 µm /2µm
Type B (mechanical) 1.2µm /0.5µm
Type C (std. Indicator) 5µm /2µm
Type D (probe) 1µm /0.2µm

Q:What contact tips are available
A: Carbide – standard
Ruby and ceramic are alternative options at an additional cost.

Q:Are plugs interchangeable with Diatest
A: Yes

สนใจผลิตภัณฑ์ โปรดติดต่อเรา www.tonanasia.com
แนะนำข้อมูลโดย CH-Admin  ดูผลิตภัณฑ์

วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557

อันตรายจาก พาราเซตามอล / Admin POO (Tonan Asia Autotech)

ThisYouKnow-187
อันตรายจาก พาราเซตามอล?
จากสถิติประเทศสหรัฐอเมริกา
มีคนเสียชีวิตจากการใช้ยา
พาราเซตาม่อน โดยเฉลี่ย
ประมาณ 458 คน ต่อปี
ทั้งนี้ สาเหตุมักเกิดจากการใช้ยาที่มีพาราเซตามอลเป็นส่วนประกอบ มากกว่า 1 รายการ ในการรับประทานยาครั้งเดียวกัน ตัวอย่างยาที่มักจะมีพาราเซตามอลเป็นส่วนประกอบ เช่น ยาบรรเทาอาการปวด/ลดไข้ ยาเพื่อบรรเทาอาการปวดอักเสบ ของกล้ามเนื้อ ยาคลายกล้ามเนื้อ ยาที่ใช้รักษาอาการหวัด ภูมิแพ้บางชนิด เป็นต้น
อาการพิษที่ได้รับจากพาราเซตามอล เกินขนาด จะไม่ได้ส่งผลในทันทีทันใดที่ได้รับยาเกินขนาด แต่ความเป็นพิษจะค่อยๆ เกิดขึ้นช้าๆ จนส่งผลให้เกิดภาวะตับวายเฉียบพลัน … และเสียชีวิตลง
ขอบคุณที่มา: http://www.thisyouknow.com/

วิธีตรวจสอบมะเร็งลำไส้ใหญ่เบื้องต้นด้วยตนเอง!! / Admin SD (Tonan Asia Autotech)



  มะเร็งลำไส้ใหญ่มีอาการแสดง คือ การมีเลือดปนมาในอุจจาระ การมีเลือดออกทางทวารหนัก

อาการท้องผูกสลับท้องเสีย ลำไส้ อักเสบเรื้อรัง อาจคลำได้ก้อนในช่องท้อง ซึ่งมักเป็นทางด้านขวาตอนล่าง

อาการปวดเบ่งบริเวณทวารหนักคล้าย ปวดอุจจาระตลอดเวลา อาจมีอาการซีด อ่อนเพลีย และน้ำหนักตัวลด

ผู้ป่วยบางรายอาจมาด้วยอาการของลำไส้อุด ตัน คือ ปวดท้องอย่างรุนแรงคล้ายลำไส้ถูกบิด

             โรคมะเร็งนั้นไม่สามารถบอกสาเหตุได้อย่างชัดเจน สาเหตุที่พบได้ เช่นจากเรื่องของกรรมพันธ ุ์

จากการที่ท้องผูก หรือท้องเสีย หรือมีการระคายเคืองในลำไส้บ่อยๆ ซึ่งหากคุณกลัวแนะนำให้ตรวจร่างกาย

ประจำปีอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อตรวจดูว่ามีก้อนเนื้องอกหรือไม่ และในขณะเดียวกันการที่คุณมีอาการ

ของทางเดินอาหาร ไม่ว่าจะเป็นท้องผูก หรือท้องเสียก็ควรได้รับการรักษาให้หาย ไม่ควรปล่อยให้เป็นเรื่อรังค่ะ

ทางออกที่ดีที่สุดคือการป้องกัน พยายามรับประทานอาหารที่มีกากใย (fiber) สูง จะสามารถลดความเสี่ยงได้ค่ะ



ขอขอบคุณแหล่งที่มา : http://www.thai4health.com/articel9.php


วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557

กินเจ 2557 ประเพณีถือศีลกินผัก / ADMIN - SJ (TONAN ASIA AUTOTECH)


       
กินเจ 2557 ตำนาน เทศกาลกินเจ ประเพณีกินเจ เริ่มต้นตั้งแต่ เริ่มรอบแรก วันที่ 24 ก.ย. - 2 ต.ค.57 และ รอบที่สอง วันที่ 24 ต.ค. - 1 พ.ย. 57 ) 
ตำนานเทศกาลกินเจ กินเจ 2557 เริ่ม 24 กันยายน- 30 กันยายน 2557 และ ในปีนี้มันพิเศษกว่าปีอื่นๆ เพราะในปี 2557 มี เทศกาลกินเจ 2 ครั้ง ในรอบ 132 ปี มีครั้งเดียว นับแบบจีนจะมีเดือน 9 สองครั้ง ( จีนเรียกว่า หยุ่งง้วย ) ฉะนั้นจึงมี ชิวอิก-ชิวเก้า ในเดือน 9 ก็คือ รอบแรก วันที่ 24 ก.ย. - 2 ต.ค.57 และ รอบที่สอง วันที่ 24 ต.ค. - 1 พ.ย. 57 )เทศกาลเจ เริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 400 ปีมาแล้ว ตามตำนานเล่าว่า เกิดมาในสมัยที่ชาวจีนถูกรุกรานโดยชนชาติแมนจู ซึ่งเข้าปกครองประเทศจีน และบังคับให้ชนชาติจีนยอมรับวัฒนธรรมของตน อาทิ การไว้ทรงผมเยี่ยงแมนจู คือ โกนศีรษะโล้นทางด้านหน้าและไว้ผมยาวทางด้านหลัง ซึ่งหลายคนคงจะชินตาในภาพยนตร์จีนที่นำมาฉายทางทีวี

ในสมัยนั้น มีคนจีนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันต่อต้านชาวแมนจู โดยใช้หลักทางธรรมเข้ามาร่วมด้วย ชาวจีนกลุ่มนี้ นุ่งขาว ห่มขาวและไม่รับประทานเนื้อสัตว์ ซึ่งมีความเชื่อว่า การประพฤติปฏิบัติตามแนวทางนี้จะช่วยสร้างความเข้มแข็ง ให้กับกลุ่มของตนจนสามารถต้านทานชาวแมนจูได้ คนกลุ่มนี้เรียกตัวเองว่า 'หงี่หั่วท้วง' ซึ่งแม้จะได้ต่อสู้อย่างอาจหาญ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถต้านทานการรุกรานของชาวแมนจูได้

เมื่อถึงวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 ชาวจีนที่ยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของชาวแมนจู จึงพากันถือศีลกินเจ เพื่อรำลึกถึงเหล่านักสู้ 'หงี่หั่วท้วง' ที่ได้ต่อสู้พลีชีพในครั้งนั้น 


ความเชื่อถืออีกกระแสหนึ่งของตำนานการกินเจนั้น เชื่อกันว่าเป็นการสักการะพระพุทธเจ้าในอดีต 7 พระองค์ และพระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ รวมเป็น 9 พระองค์ หรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่า ดาวนพเคราะห์ทั้ง 9 ในพิธีกรรมนี้ สาธุชนจึงงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ตัดชีวิต หันมาบำเพ็ญศีล โดยการตั้งปณิธานในการกินเจ งดเว้นอาหารคาว เพื่อเป็นการสมาทานศีล 2 ประการ คือ

1. เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์มาบำรุงชีวิตของตน

2. เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์มาเพิ่มเลือดของตน

3. เว้นจากการเอาชีวิตของสัตว์มาเพิ่มเนื้อของตน 


สำหรับเมืองไทยความเชื่อเรื่องการกินเจ เป็นไปในแนวทางของการละเว้นการเอาชีวิตของสัตว์ เพื่อเป็นสักการะบูชาแก่ พระพุทธเจ้า และมหาโพธิสัตว์กวนอิม อาจเนื่องจากการแพร่หลายของกการละเว้นการกินเนื้อวัว ในกลุ่มคนที่นับถือ 'เจ้าแม่กวนอิม' การกินเจ จึงเป็นอีกหนึ่งพิธีกรรมเพื่อสักการะ

บรรยากาศเทศกาลกินเจของเมืองไทยในปัจจุบัน คนทั่วไปไม่เว้นแม้กระทั่งหนุ่มสาวยุคใหม่ต่างก็หันมากินเจกันมากขึ้นทั้งนี้ อาจจะมาจากกระแสเรื่องห่วงใยสุขภาพมากกว่าความเชื่อโบราณ เพราะการงดเนื้อสัตว์ทุกชนิดและหันมาบริโภคแต่ผัก ผลไม้นั้นจะช่วยชำระล้างของเสียออกจากร่างกาย หรือคนยุคนี้เรียกว่า 'การล้างพิษ' ซึ่งจะช่วยให้สุขภาพดีขึ้น

ความหมายของ 'เจ'

'เจ' ในภาษาจีนมีความหมายว่า 'อุโบสถ' เป็นคำแปลทางพุทธสาสนา นิกายมหายาน

การกินเจนั้นแต่เดิมหมายความถึง 'การรับประทานอาหารก่อนเที่ยงวัน' ตามแบบอย่างของพระพุทธศาสนา เราจะเห็นตัวอย่างชาวพุทธรักษาอุโบสถศีล หรือรักษาศีล 8 ด้วยการไม่รับประทานอาหารหลังจากเที่ยงไปแล้วเช่นเดียวกับพระภิกษุ แต่สำหรับพุทธนิกายมหายานนั้น การรักษาอุโบสถศีลจะรวมถึงการไม่รับประทานเนื้อสัตว์ด้วย จึงนิยมเรียกการไม่กินเนื้อสัตว์ไปรวมกับการกินเจ จนถึงปัจจุบัน ผู้ที่รับประทานอาหารครบ 3 มื้อ แต่ไม่กินเนื้อสัตว์ยังคงเรียกว่า 'กินเจ'

ความหมายของการกินเจ จึงหมายถึงการรักษาศีล ปฏิบัติธรรมทั้งกาย วาจา และใจ ไม่ใช่หมายความเพียงการไม่รับประทานเนื้อสัตว์เท่านั้น การปฏิบัติธรรมร่วมไปด้วยจึงจะครบเป็น 'การถือศีล-กินเจ' อย่างแท้จริง 

ความหมายของ 'ธงเจ'

อักษรแดง บนพื้นเหลือง เขียนว่า 'ไจ' หรือ 'เจ' มีความหมายว่า 'ของไม่มีคาว' สีแดงเป็นตัวแทนของความเป็นสิริมงคลในชีวิต ส่วนสีเหลืองเป็นสีของพุทธศาสนา หรือผู้ทรงศีล ธงเจนอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของอาหารเจแล้ว ยังเป็นการเตือนให้พุทธศาสนิกชนที่ปฏิบัติตน 'ถือศีล-กินเจ' ได้ตระหนักถึงการไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์และการตั้งอยู่ในศีลตลอดช่วงระยะเวลา 9 วัน 9 คืน

การปฏิบัติตัวในช่วงเทศกาลกินเจ

เมื่อตั้งมั่นที่จะปฏิบัติศีลและกินเจ ในช่วงเทศกาลกินเจ 9 วัน 9 คืนนี้แล้ว ก็ควรจะศึกษาข้อห้ามต่างๆ ที่บัญญัติไว้เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติตัว โดยทั่วไปแล้วจะมีข้อปฏิบัติดังนี้


การปฏิบัติตัวในช่วงเทศกาลกินเจ

  • งดเว้นเนื้อสัตว์ หรือทำอันตรายต่อสัตว์

  • งด นม เนย หรือน้ำมันที่มาจากสัตว์

  • งดอาหารรสจัด หมายถึง อาหารรสเผ็ดมาก เค็มมาก หวานมาก เปรี้ยวมาก

  • งดผักกลิ่นฉุน 5 ชนิด คือ กระเทียม หัวหอม หลักเกียว กุยช่าย ใบยาสูบ รวมทั้งเครื่องเทศที่มีกลิ่นฉุน

  • รักษาศีล 5

  • รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์ รักษาอารมณ์ให้คงที่

  • ทำบุญ ทำทาน บางคนที่เคร่งอาจนุ่งขาว ห่มขาว

สำหรับคนที่กินเจอย่างเคร่งครัด นอกจากจะ 'ถือศีล-กินเจ' แล้วยังต้องเลือกผู้ปรุงอาหารเจที่กินเจด้วย เพื่อให้ 'อาหารเจ' นั้นบริสุทธิ์จริงๆ บางคนจะมีการคัดแยกภาชนะที่บรรจุอาหารหรือใช้ปรุงอาหาร แยกจากที่ใช้ใส่อาหารที่มีเนื้อสัตว์อย่างเด็ดขาด และในบางแห่งอาจพบว่ามีการจุดตะเกียงเก้าดวง ไว้เป็นเวลา 9 วันตลอดระยะเวลาการกินเจ เพื่อเป็นการรำลึกถึงบุญคุณพ่อแม่ญาติพี่น้อง และเพื่อเป็นพุทธบูชา

อาหารเจ 

ปัจจุบันมีการยอมรับกันโดยทั่วไปถึงคุณค่าของ 'อาหารเจ' เนื่องจากการรับประทานพืชผักในปริมาณที่มากกว่าปกติ งดเว้นเนื้อสัตว์ ทำให้กระเพาะได้พักจากภารกิจการย่อยเนื้อสัตว์ที่ทำประจำอยู่ และได้รับวิตามินเข้าไปเสริมสร้าง ซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอ รวมทั้งได้โปรตีนจากถั่วชนิดต่างๆ ซึ่งแตกต่างจากโปรตีนที่เราได้รับจากเนื้อสัตว์ ช่วงเวลานี้จึงถือเป็นช่วงที่ร่างกายได้พักผ่อนจากการรับสารอาหารย่อยยากจากแหล่งอาหารต่างๆ รวมทั้งยังได้รับพลังใจจากการที่ปฏิบัติตัวอยู่ในศีล ทำให้จิตใจอิ่มเอิบ เบาสบาย

หลายคนคิดว่า การรับประทานแต่อาหารเจจะทำให้เกิดโรคขาดอาหาร ทั้งที่สาเหตุสำคัญของการเกิดโรคขาดอาหารนั้น มาจากการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกหลัก ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งกับผู้ที่กินเนื้อสัตว์และกินเจ ซึ่งมีนิสัยการบริโภคที่ไม่คำนึงถึงคุณค่าของสารอาหารที่ได้รับ

คนที่กินเจอย่างถูกหลักก็จะได้รับอาหารที่มีคุณค่า มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ การประกอบอาหารเจเพื่อรับประทานในช่วงนี้ จึงสามารถเลือกอาหารพวก ข้าวกล้อง (ใช้แทนข้าวขาว) โปรตีนเกษตร (แทนเนื้อสัตว์) ผักสด เห็ดหอม ถั่วนานาพันธุ์ เต้าหู้ แป้งหมี่กึง ทดแทน และผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำเป็นอาหารชนิดต่างๆ

เจ กับมังสวิรัติ 

อาหารมังสวิรัติ คือ อาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบเช่นเดียวกับอาหารเจ แต่หากเป็นมังสวิรัตินั้น สามารถนำผักทุกชนิดมาประกอบอาหารได้ แต่อาหารเจ ต้องงดเว้นผักฉุน 5 ประเภท (ดังที่กล่าวมาแล้ว) รวมทั้งของเสพติดทุกชนิด และยังคงต้องประพฤติศีลร่วมด้วย จึงจะเป็นการ ถือศีล-กินเจ ที่แท้จริง ในขณะที่มังสวิรัติ หมายรวมถึงการไม่รับประทานเนื้อสัตว์เท่านั้น

การกินเจ นอกจากจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของการสร้างบุญกุศลด้วยการละ เลิก เพื่อชีวิตแล้ว ในแง่ของสุขภาพร่างกายก็พลอยได้รับประโยชน์ร่วมด้วย เพราะถือเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่ร่างกายมีโอกาสพักผ่อน จากการย่อยอาหารประเภทที่ย่อยยากทั้งหลาย

กิน เจ ที่ภูเก็ต 

เจ ที่ภูเก็ตมาจากรากฐานความเชื่อเดียวกัน คนจีนเรียก เจเดือนเก้า แต่ถ้านับตรงกับเดือนไทยก็จะได้ตรงกับเดือน 11 เทศกาลกินเจที่ภูเก็ตจึงมีขึ้นหลังเทศกาลกินเจทั่วๆ ไป บางครั้งเราจึงมักได้ยินเชื่อเรียกของเทศกาลกินเจที่ภูเก็ต ว่าเป็นเทศกาลกินผัก ซึ่งแท้จริงแล้วก็คือการกินเจในรูปแบบและระยะเวลา 9 วันเช่นเดียวกัน

ความเชื่อเกี่ยวกับการกินเจที่ชาวภูเก็ตเล่าสืบต่อกันมาว่า มีคณะงิ้วจากเมืองจีนมาเปิดการแสดงที่กะทู้ แล้วบังเอิญเกิดโรคระบาด คณะงิ้วจึงจัดให้มีพิธีกินเจ และสร้างศาลเจ้าขึ้น ปรากฏว่าโรคระบาดก็หายไปสิ้น ชาวบ้านเกิดความเลื่อมใสจึงปฏิบัติตาม นับเนื่องจากนั้นมีผู้ศรัทธามากขึ้นเรื่อยๆ ชาวกระทู้จึงอยากให้พิธี 'กินเจ' ของตนสมบูรณ์แบบ ตามแบบพิธีในมณฑลกังไส จึงได้ส่งตัวแทนไปนำเอาควันธูปกลับมา โดยการตั้งมั่นที่แรงกล้า เพราะพิธีการนำควันธูปกลับมานั้น ต้องจุดธูปต่อกันมิให้มอดดับได้ ศาลเจ้ากระทู้จึงเป็นศูนย์กลางของเทศกาลการกินเจที่ภูเก็ตเรื่อยมา จนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ

9 วันแห่งพิธีกรรมของการกินเจที่ภูเก็ต 

กลางคืนวันที่หนึ่ง จะมีพิธียกเสา 'โกเด้ง' ขึ้นที่หน้าศาลเจ้า หรืออ๊าม เพื่อใช้เป็นที่แขวนตะเกียงทั้ง 9 ดวง และอัญเชิญดวงวิญญาณของยกอ๋องฮ่องเต้ หรือ พระอิศวร และ กิวอ๋องไตเต หรือ ราชาผู้เป็นใหญ่ทั้งเก้า มาประทับ เช้าวันรุ่งขึ้นมีการจุดธูปขนาดใหญ่ ตั้งเครื่องเซ่นและเผาไม้หอม เพื่อบูชาเจ้าประจำอ๊าม

หลังพิธีการกินเจ หรือชาวภูเก็ตเรียก การกินผัก ผ่านไป 3 วัน จะถือว่าตัวเองมีความสะอาดแล้ว หรือเรียกว่า 'เช้ง' ในตอนค่ำมีพิธีการเชิญเจ้าเข้าทรงอีก 2 องค์ คือ 'ลำเต้า' เจ้าผู้สำรวจคนเกิด และ 'ปักเต้า' เจ้าผู้สำรวจคนตาย และทำพิธี 'ปั้งกุ้น' หรือพิธีปล่อยพระ หรือการจัดทหารของเจ้าไปรักษาศาลเจ้าทั้ง 5 ทิศ เพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้าย และภูตผีมาทำลายพิธี ความสนุกสนานเริ่มขึ้นตรงนี้ เมื่อการเชิญทหารเต็มไปด้วยร่างทรงของตัวละคร อาทิ เห้งเจีย บู๊สง เป็นต้น

ในวันที่เจ็ด เริ่มพิธี บูชาดาว เพื่อขอความเป็นสิริมงคล รักษาโรคภัยไข้เจ็บ

สองวันสุดท้าย เป็นความตื่นเต้นท้าทาย เมื่อมีการจัดขบวนพิธีแห่อย่างมโหฬาร เพื่อนำเกี้ยวไปรับพระจำหลักที่สะพานหิน เป็นการระถึงวันที่ควันธูปจากมณฑลกังไสมาถึงภูเก็ต ในขบวนแห่จะมีการแสดงอิทธิฤทธิ์ของม้าทรง หรือ คนทรงเจ้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย จะเห็นภาพของการใช้ของมีคมต่างๆ ทิ่มแทงตามร่างกาย มีทั้งง้าว ลูกตุ้มเหล็กฟาดหน้าฟาดหลัง เอาขวานจามหลัง หรือเอาเหล็กแหลมทิ่มแทงร่างกาย หรือแทงลิ้น จนกระทั่งเฉือนลิ้นตัวเองออกมา โดยท้าทรงเหล่านั้นอ้างว่าไม่มีความเจ็บปวดใดๆ ขณะเป็นร่างทรง ม้าทรงจะเดินเต้น ไปทั่วเมือง ชาวบ้านจะตั้งโต๊ะเครื่องเซ่นไหว้เพื่อให้เจ้าไปโปรดและมีการจุดประทัดตลอดเส้นทาง ทั้งเกาะปกคลุมด้วยควันธูปและประทัด

วันที่เก้า จะมีพิธีศักดิ์สิทธิ์ คือ พิธี 'โก๊ยโห้ย' หรือพิธีลุยไฟสะเดาะเคราะห์ ม้าทรง หรือเจ้าจะเดินผ่านกองไฟ ที่มีถ่ายร้อนแดงเป็นระยะทางกว่า 2 ฟุต และตามด้วยผู้ที่ถือศีลกินเจที่มีความมั่นใจว่าตัวเองสะอาดแล้ว ก็สามารถร่วมลุยไฟได้ด้วยเช่นกัน ในตอนกลางคืนจะมีพิธีปีนบันไดมีด สูงประมาณ 12 เมตร และจบลงที่ยามดึกของคืนวันที่ 9 จะมีการแห่พระไปส่งทะเลบริเวณสะพานหิน และนำเสาโกเต้งลงดับโคมไฟทั้ง 9 เป็นเสร็จพิธีกินเจที่ภูเก็ต

กินเจ ที่ภูเก็ต ออกไปในแนวสนุกสนาน ตื่นเต้น ด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ ซึ่งพิสูจน์ไม่ได้ แต่หลายคนที่ไปดูด้วยตาตนเอง ยังพกความตื่นตาตื่นใจ เป็นประสบการณ์มาถึงปัจจุบัน และเป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมการกินเจอีกรูปแบบหนึ่ง

ประโยชน์ของการกินเจในมุมมองของแพทย์แผนปัจจุบันและแผนโบราณ 

  • ให้พลังเย็น โดยได้รับพลังงานจากฟรุกโตส ซึ่งมีในผักและผลไม้ เป็นพลังงานที่ไม่ทำร้ายร่างกาย

  • ช่วยขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย ทำให้ไม่มีสารพิษตกค้าง เพราะกากใยในพืชผักช่วยระบบการย่อยและระบบขับถ่าย ทำให้ไม่เป็นโรคเกี่ยวกับลำไส้ รวมถึงโรคที่เกิดจากระบบขับถ่ายผิดปกติต่างๆ เช่น โรคริดสีดวงทวาร

  • หากรับประทานเป็นประจำ จะช่วยฟอกโลหิตในร่างกายให้สะอาด เซลล์ต่างๆ ในร่างกายจะเสื่อมช้าลง ทำให้ผิวพรรณผ่องใส มีอายุยืนยาว สายตาดี แววตาสดใส ร่างกายแข็งแรง มีความต้านทานโรค มีความคล่องตัว รู้สึกเบาสบายไม่อึดอัด

  • ทำให้ปราศจากโรคร้ายต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน โรคตับ โรคสำไส้ โรคเกาต์ ฯลฯ เพราะได้รับอาหารธรรมชาติที่มีประโยชน์ ซึ่งไม่เป็นสาเหตุของโรคต่างๆ และยังช่วยป้องกันโรคร้ายเหล่านี้

  • อวัยวะหลักของร่างกาย และอวัยวะเสริมทั้ง ๕ ทำงานได้อย่างเต็มสมรรถภาพ อวัยวะหลัก ได้แก่ หัวใจ ไต ม้าม ตับ ปอด

    อวัยวะเสริมทั้ง ๕ ได้แก่ ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก กระเพาะ ปัสสาวะ กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี

    ผู้ที่กินเจ จะมีร่างกายที่สามารถต้านทานต่อสารพิษต่างๆ ได้สูงกว่าคนปกติทั่วไป ได้แก่

    ยากำจัดศัตรูพืช ยาฆ่าแมลง หรือสารเคมีที่เป็นอันตราย อื่นๆ

    อวัยวะหลัก ได้แก่ หัวใจ ไต ม้าม ตับ ปอด

    มลภาวะที่เกิดจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ทั้งจากรถยนต์และโรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ ซึ่งมีปะปนอยู่ในอากาศรวมถึงแหล่าอาหารและน้ำดื่ม

  • กัมมันตภาพรังสี จากการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ และ การทำสงคราม สารอาหารจากพืชพัก ช่วยให้เซลล์ในร่างกายทนต่อการทำลายจากกัมมันตภาพรังสีได้

    ในทางการแพทย์ การกินเจ มีประโยชน์ในการรักษาโรคที่สามารถพิสูจน์และมองเห็นได้จัดเจนกว่า ประโยชน์ในทางศาสนาเป็นเรื่องที่ไม่ละเอียดเท่าเรื่องของศาสนาจึงสามารถมองเห็นได้ง่ายกว่าเป็นธรรมดา แม้ว่าการปฎิบัติจะไม่เคร่งครัดเท่ากับความต้องการประโยชน์ทางด้านศาสนา

อานิสงส์ 10 ข้อ ของการไม่กินเนื้อสัตว์ (กินเจ)

              อานิสงส์ขั้นต้นของการไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่ฆ่าสัตว์และไม่เบียดเบียนสัตว์ คือ จะทำให้ชีวิตของเราไม่ต้องตายด้วย ปืนผาหน้าไม้ คมหอกคมดาบ ไม่่ตายด้วยเหตุกาณ์อันน่าสยดสยองหรือภัยพิบัติต่างๆ ทั้งยังสามารถตัดกรรมในเรื่องการฆ่าและยุติการจองเวรกับสรรพสัตว์ทั้งหลายอีกด้วย องค์สมเด็จพระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระผู้เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตาอันมิอาจประมาณได้ทรงรักใคร่สรรพสัตว์ทั้งหลายประดุจลูกในอุทรของพระองค์เองเมื่อได้บรรลุอนุตตรสัมโพธิญาณสูงสุดแล้ว ก็ยังทรงมีพระทัยห่วงใยปรารถนาให้เวไนยสัตว์ทั้งหลาย ได้หลุดพ้นออกจากบ่วงกรรมและระงับดับการจองเวรซึ่งกันและกัน ในบรรดา บาปกรรมทั้งหลายที่คนหลงผิดกระทำไปการเบียดเบียนฆ่าทำลายชีวิตผู้อื่นถือ เป็นบาปกรรมที่ร้ายแรงที่สุดแม้ว่าจะกระทำลงไปโดยไม่เจตนา ก็ยังต้องไปรับโทษ นับประสาอะไรกับการจงใจเจตนาฆ่าเขาให้ตาย โทษทัณฑ์์นั้นจะ ยิ่งใหญ่ หลวงและ ไม่อาจให้อภัยได้ด้วยเหตุที่พระพุทธองค์ทรงมี พระประสงค์ ์ให้เราทุกคนละเว้นจาก การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต และเลิกเบียดเบียนผู้อื่นโดยเด็ดขาด พระองค์จึงทรงบัญญัติ ศีลข้อ “ปาณาติบาต” คือห้ามการฆ่า เป็นข้อที่สำคัญอันดับหนึ่ง ขอให้เราจง มาร่วมกันศึกษาพิจารณาพระพุทธวจนะว่าด้วยเรื่อง “อานิสงส์ 10 ข้อของการ ไม่กินเนื้อสัตว์” เพื่อจักได้นำไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติและบำเพ็ญธรรม ให้สูงขึ้นไป ในพระสูตรของพระพุทธศาสนามหายานเล่าว่า

“สมัยหนึ่ง... องค์สมเด็จพระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จไปเทศนาโปรดบรรดาเหล่าพญานาคทั้งหลาย พระพุทธองค์ ์ได้ทรงตรัสธรรมกถาวิสัชนาแสดงแก่พญานาคราชความว่า “บุคคลใด หยุดการฆ่าสัตว์

ตัดชีวิต และงดเว้นเสียจากการเสพเลือดเนื้อสัตว์ อีกทั้งยังชี้นำส่งเสริมให้หมู่ชนทั้งหลายหยุดฆ่า หยุดเสพชีวิตเลือดเนื้อผู้อื่น บุคคลผู้นั้นย่อมห่างไกลจากอกุศลมูล ทั้งปวง และบริบูรณ์พร้อมด้วยอานิสงส์ ทั้ง 10 ประการอันได้แก่

อานิสงส์ 10 ข้อ ของการไม่กินเนื้อสัตว์ (กินเจ)

       1. เป็นที่รักใคร่ของบรรดาเทพ พรมตลอดจนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย

       2. จิตอันเป็นมหาเมตตาย่อมบังเกิดขึ้น

       3. สามารถตัดขาดความอาฆาต ดับอารมณ์เหี้ยมโหดเครียดแค้นในใจลงได้

       4. ปราศจากโรคภัยร้ายแรงมาเบียดเบียนร่างกาย

       5. มีอายุมั่นขวัญยืน

       6. ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากวัชรเทพทั้งแปด

       7. ยามหลับนิมิตรเห็นแต่สิ่งที่ดีงามเป็นศิริมงคล

       8. ย่อมระงับการจองเวร สลายความอาฆาตแค้นซึ่งกันและกัน

       9. สามารถดำรงอยู่ในกระแสแห่งนิพพาน ไม่พลัดหลงตกลงสู่อบายภูมิ

       10. ทันทีที่ละสังขารจากโลกนี้ จิตญาณจะมู่งสู่คติภพ 


แหล่งที่มา : http://variety.horoworld.com

ประวัติความเป็นมาของขนมจีน / ADMIN - SJ (TONAN ASIA AUTOTECH)

ประวัติความเป็นมาของขนมจีน เริ่มมาจากไหน สันนิษฐานว่าเริ่มมาจากชาวมอญ


ขนมจีนไม่ใช่อาหารจีน แต่คำว่า "จีน" สันนิษฐานกันว่าน่าจะมาจากมอญซึ่งเรียกขนมจีนว่า "คนอมจิน" หมายถึงการทำให้สุก 2 ครั้ง  

พิศาล บุญปลูก ชาวไทยเชื้อสายรามัญผู้สนใจศึกษาอาหารและวัฒนธรรมมอญกล่าวว่า "จริง ๆ แล้ว ขนมจีนเป็นอาหารของคนมอญหรือรามัญ คนมอญเรียกขนมจีนว่า คนอมจิน    

คนอม หมายความว่า "จับกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน"
จินหมายความว่า "ทำให้สุก"  ทำให้เกิดสมมุติฐานตามมาอีกว่า ดั้งเดิมทีเดียวขนมจีนเป็นอาหารมอญ แล้วจึงแพร่หลายไปสู่ชนชาติอื่น ๆ ในสุวรรณภูมิตั้งแต่โบราณกาล จนเป็นอาหารที่ทำง่ายและมีความนิยมสูง สามารถหารับประทานได้ทั่วไป

เส้นขนมจีนมีกี่ชนิด

เส้นขนมจีนแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ

  • ขนมจีนแป้งหมัก ใช้การหมักแป้งข้าวเจ้าโดย นำแป้งข้าวเจ้ามาแช่น้ำให้นิ่ม และนำไปโม่ก่อนหมักประมาณเจ็ดวันเมื่อหมักแล้วจึงนำมานวดในเครื่องนวดแป้ง
  • ขนมจีนแป้งสด ใช้วิธีการผสมแป้งข้าวเจ้า ไม่ต้องทิ้งไว้แล้วจึงนำมานวดในเครื่องนวดแป้ง
หลังจากนวดแป้งแล้วจะเทแป้งใส่กระบอกทองเหลือง มีรูเจาะไว้ที่ปลายด้านหนึ่ง เมื่อกดแป้งเข้าไปในกระบอก เส้นขนมจีนก็จะไหลออกจากปลายกระบอก เป็นเส้นกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 - 1.5 มิลลิเมตร เมื่อได้เส้นแล้วก็ทำต้มในน้ำร้อนเดือดเพื่อทำความสะอาด แล้วนำมาราดด้วยน้ำสะอาดอีกทีหนึ่ง เส้นขนมจีนที่ได้ จะจัดเรียงเอาไว้เป็นกลุ่ม ๆ ขนาดประมาณ 1 ฝ่ามือ บางถิ่นเรียก จับ หรือ หัว เมื่อเรียงในจานสำหรับรับประทาน จะใส่ประมาณ 3-4 จับ




ที่มา: wikipedia
ภาพ: creativeculturethailand


บทความโดย FoodieTaste

วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2557

เมื่อธนบัตรชำรุดควรทำอย่างไร นำไปแลกคืนได้ที่ไหนบ้าง / Admin POO (Tonan Asia Autotech)




ธนบัตรหรือเงินนั้น ทำมาจากใยฝ้ายผสมกระดาษเป็นซะส่วนใหญ่ ดังนั้นเมื่อใช้ไปนานๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นคือมักจะมีการชำรุดหรือฉีกขาด โดยเฉพาะกับธนบัตรที่ใช้มานานแล้วจนเก่า ดังนั้นหลายคนอาจจะมีคำถามว่า หากธนบัตรในมือเกิดการชำรุดขึ้นมาแล้ว จะสามารถจัดการอย่างไรได้บ้าง วันนี้เรามีคำตอบมาให้ครับ (ข้อมูลอ้างอิงจาก พรบ. เงินตรา พ.ศ. 2501)

 เมื่อธนบัตรชำรุดควรทำอย่างไร นำไปแลกคืนได้ที่ไหนบ้าง




1. หากธนบัตรนั้นฉีกขาดหรือชำรุดไม่มาก เช่นมุมใดมุมหนึ่งขาดออกไป โดยที่ส่วนที่ขาดนั้นไม่ได้หล่นหายไปไหน แนะนำให้ใช้เทปใสแปะปิดทับรอยขาดได้เลยครับ ยังสามารถใช้ชำระหนี้ หรือซื้อของได้ตามปกติ แต่วิธีนี้เหมาะสำหรับธนบัตรที่ชำรุดไม่มากนักนะครับ หากขาดหรือแหว่งไปมากๆ ไม่แนะนำให้ทำอย่างเด็ดขาด

2. หากธนบัตรนั้นขาดครึ่ง หรือขาดออกจากกันจนไม่สามารถซ่อมแซมได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน ให้นำไปแลกที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ โดยจะแลกได้เพียงครึ่งราคาของมูลค่าเท่านั้นนะครับ (มีหลายคนถามว่า ธนาคารทั่วไปแลกได้หรือไม่ ตอบว่าได้ครับ แต่จะให้บริการเฉพาะวันพุธเท่านั้น)

3. ธนบัตรขาดครึ่งและต่อผิด หมายถึงธนบัตรที่ขาดออกจากกันแล้วถูกซ่อมแซม แต่เป็นการซ่อมแซมโดยใช้ชิ้นส่วนจากธนบัตรฉบับอื่น(แต่รูปแบบเดียวกัน) สามารถนำไปแลกได้ที่ธนาคารออมสิน โดยจะแลกได้เต็มมูลค่าของราคาธนบัตร แต่มีข้อแม้ว่าส่วนที่นำมาต่อกันจะต้องสมบูรณ์ทั้งสองส่วน

4. ธนบัตรที่ชำรุดแบบขาดวิ่น มักพบได้ในกรณีที่ถูกปลวกแทะ ฉีกขาด หรือไฟไหม้ หากส่วนที่เหลือของธนบัตรนั้นมีปริมาณมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์สามารถนำไปแลกได้เต็มมูลค่าของธนบัตร

5. ธนบัตรที่ชำรุดแบบลบเลือน มักจะพบเห็นได้ในธนบัตรเก่า คือจะมีสภาพหมึกลบเลือน หรือตัวธนบัตรเปลี่ยนสีไปจากเดิม อาจจะเนื่องมาจากสาเหตุต่างกัน เช่นโดนน้ำ หรือน้ำยาเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน (ซักผ้าแล้วลืมเอาเงินออกมาจากกระเป๋าเสื้อ/กางเกง) ถ้าเป็นกรณีนี้ให้นำไปแลกได้เต็มมูลค่าของธนบัตร แต่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเป็นธนบัตรของจริงเท่านั้น

สำหรับสถานที่แลก เปลี่ยนเงินตรา หรือธนบัตรที่ชำรุดนั้น นอกจากธนาคารออมสินแล้ว ท่านยังสามารถนำไปแลกได้ที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย เขตบางขุนพรหม รวมถึงสำนักงานคลังจังหวัด และสำนักงานคลังอำเภอได้ทั่วประเทศ โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้ใดๆ แต่อยากจะแนะนำว่า การเก็บธนบัตรไว้กับตัวนั้น ควรเก็บด้วยความระมัดระวัง เพราะแม้ว่าตัวของธนบัตรนั้นแท้จริงแล้วทำขึ้นมาจากใยฝ้ายผสมกระดาษ ซึ่งถือว่าเป็นวัสดุที่คงทนในระดับหนึ่ง แต่หากเราเก็บรักษาอย่างระมัดระวัง ก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานของธนบัตรแต่ละฉบับออกไปได้ยาวนานกว่าเดิมเลยที เดียว

ขอบคุณที่มา

วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2557

พี่หยองแหนมเนือง / Admin SD (Tonan Asia Autotech)

 ( P’Yong Namneung ) | ร้านอร่อยจาก ซอยอารีย์1
ขึ้นชื่อว่า อาหารเวียดนาม ( Vietnamese Food ) แล้ว จะเป็นที่โปรดปรานของคุณ ๆ ที่รักสุขภาพ ที่เน้นทานผักโดยมีเนื้อสัตว์พอประมาณ ร้าน อาหารเวียดนาม ( Vietnamese Restaurant ) ที่อร่อยก็มักจะมีลูกค้าเนืองแน่น แม้จะย้ายร้านไปอยู่ที่ไหน แฟน ๆ ก็จะติดตามไปเป็นขาประจำ ดังเช่น ร้าน พี่หยองแหนมเนือง ( P’Yong Namnueng ) นี่เอง



ร้าน พี่หยองแหนมเนือง (P’Yong Namneung) ย้ายร้านมาเปิดข้าง ธ.ออมสิน สำนักงานใหญ่ ถ.พหลโยธิน
แนะนำ พี่หยองแหนมเนือง อาหารเวียดนาม หนองคาย อร่อยน่ากินสุดฮิต ในกรุงเทพ delivery ราคาถูก ประหยัด พิเศษ

ร้าน พี่หยองแหนมเนือง (P’Yong Namneung) ย้ายจาก ซอยอารีย์1

คุณหยอง หรือ คุณกาญจนา จิรรุจิเรข เปิดร้านอาหารเวียดนาม มากว่า 8 ปีแล้ว เดิมอยู่ที่ซอยอารีย์ ถนนพหลโยธิน ก็ขายดิบขายดีจนลูกค้าล้นออกมานอกร้าน จึงขยับขยายย้ายมาเปิดสาขาใหม่ไม่ไกลจากเดิม คือติดธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ ขายอาหารเวียดนาม อีสาน และอาหารไทย ลูกค้าแฟนประจำก็แห่ตามกันมาทาน บวกกับลูกค้าใหม่ ๆ ตลอดถนนพหลโยธินช่วงสะพานควายถึงอนุสาวรีย์ชัยฯ ที่แวะเวียนกันมาไม่ขาดสาย ร้านนี้มีถึง 3 ชั้น เลือกนั่งกันได้ตามสะดวก แต่กระนั้นก็ยังไม่ค่อยพอนั่ง คุณหยองจึงมักแนะนำให้โทรมาจองโต๊ะกันก่อนดีกว่า เพื่อประกันความผิดหวัง


อาหารเวียดนาม ( Vietnamese Food ) ที่นี่เป็นสไตล์เวียดนามใต้ของไซ่ง่อน ซึ่งจะอร่อยกว่าทางเหนือ และนำมาดัดแปลงรสชาติให้ถูกปากคนไทย ใครเคยไปทานที่เวียดนามอาจจะสงสัยว่าทำไมอร่อยสู้ ร้าน พี่หยองแหนมเนือง (P’Yong Namneung) ไม่ได้ ไม่เชื่อมาดูเมนูขายดีของร้านนี้กันดีกว่า



เมนูเด็ดมีหลายอย่าง เริ่มต้นกันที่ ส้มตำหนองคาย ( Som Tam Nong Khai ) ที่เห็นสั่งกันแทบทุกโต๊ะเหมือนเป็นจานหลัก หน้าตาจะแปลกไปกว่าส้มตำทั่ว ๆ ไป เพราะมีเม็ดกระถินที่ลงทุนแกะออกมาเป็นเม็ด ๆ กับกุ้งฝอยตัวจิ๋ว ๆ กรอบ ๆ โรยหน้ามาจนพูน เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่ปลาร้าต้ม ที่ซ่อนอยู่ในจาน ปรุงรสจนไม่มีกลิ่นฉุน คนกรุงเทพฯ กินได้สบายมาก รสชาติกลมกล่อม จ้วงกันได้ไม่หยุดมือ


สลัดเวียดนาม ( vietnamese salad ) ก็เป็นอีกเมนูที่เด็ดดวงไม่แพ้กัน เครื่องเคราจะห่อมาเป็นคำ ทั้งกุ้ง หมูยอ ไข่ตัดเป็นแท่ง ห่อด้วยผักกาดหอมและมัดรวมกันด้วยต้นหอมคล้ายซูชิ ทานกับน้ำสลัดที่ปรุงมาเป็นพิเศษ ได้รสชาติดีทีเดียว


ที่ขาดไม่ได้สำหรับแฟนอาหารญวน เห็นจะเป็น แหนมเนือง ( Nam Neung ) เครื่องเคราที่ให้มาล้วนเป็นตัวบำรุงสุขภาพ ทั้งกระเทียม มะเฟือง กล้วยตานีดิบ พริกขี้หนูสด เส้นขนมจีน และผักกาดหอม แป้งที่ใช้ห่อก็เหนียวนิ่มไม่ติดกันเป็นก้อนหรือขาดวิ่น เมื่อวางชิ้นหมูและเครื่องเคราจนครบ ราดน้ำจิ้มเด็ดแล้วส่งเข้าปาก ตามด้วยผักสดนานาชนิด มันอร่อยจริงไรจริง


 จานต่อไปที่อยากแนะนำ คือ ขนมเบื้องเวียดนาม ( Vietnamese Khanom Buang ) หรือที่เราเรียกกันว่า ขนมเบื้องญวน นั่นเอง ไข่ที่กรอกเป็นแผ่นบางกรอบสีเหลืองสวย ห่อหุ้มไส้ที่อยู่ภายในไว้อย่างสวยงาม เวลาจะทานก็ตัดเป็นคำพร้อมส่งเข้าปากได้อย่างง่ายดาย และเข้ากันดีกับน้ำจิ้มที่ปรุงมาเป็นพิเศษ หลายคนมักจะนึกถึงจานนี้เพราะหาทานอร่อยยาก ก็ต้องมาที่นี่เลยทีเดียว


ข้าวเกรียบอ่อน ( Khao Kriab Orn ) ก็เป็นอีกเมนูที่อร่อยมาก ๆ บางคนอาจจะเรียกว่า ข้าวเกรียบปากหม้อ ( Khao Kriab Pak Mo ) จัดเรียงมาในจานเป็นชิ้นเขื่อง ๆ โรยด้วยกระเทียมเจียวกรอบ ๆ หอมกรุ่น มาพร้อมกับน้ำจิ้มแสนอร่อย น้ำจิ้มที่นี่มีหลายขนาน แต่แตกต่างกันไปตามชนิดอาหารแบบเข้ากั๊นเข้ากัน เพราะทางร้านเขาเฟ้นแล้วว่า จะทานจานนี้ ก็ต้องน้ำจิ้มแบบนี้ดีที่สุด

ในเมนูของร้านมีอาหารมากมายจนเลือกแทบไม่ถูก และที่ผนังห้องก็ยังมีภาพสวย ๆ ของอาหารขึ้นชื่อ มายั่วยวนให้ไอเดียในการสั่งด้วย เช่น เส้นหมี่หมูทอด กุ้งพันอ้อย ไข่กระทะ คอหมูย่าง ฯลฯ
สตรอเบอรี่กล้วยโยเกิร์ต เติมวิตามินและความสดชื่นให้ร่างกาย ร้าน พี่หยองแหนมเนือง (P’Yong Namneung)

สำหรับเครื่องดื่ม คุณหยอง จัดน้ำผลไม้นานาชนิดไว้สำหรับลูกค้าผู้รักสุขภาพโดยเฉพาะ เป็นน้ำผลไม้ปั่นที่มีให้เลือกมากมายจากเมนู เช่น สตรอเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ แคนตาลูป เสาวรส กีวี ฯลฯ มีบริการตลอด ไม่ใช่เอามาประดับเมนูไว้สวย ๆ



ปิดท้ายรายการด้วยของหวานแนว ร้านอาหารเวียดนาม ( Vietnamese Restaurant ) คือ กล้วยหอมทอด ราดน้ำผึ้งสีทอง โรยน้ำตาลไอซิ่ง เสริฟร้อน ๆ ในปริมาณพอดีคำ พอดีคน ถ้าทานกับกาแฟเย็นอร่อย ๆ ของที่นี่ด้วยแล้ว ถือว่าเพอร์เฟคท์
หรือ ถ้าชอบของหวานแบบไทย ๆ ร้าน พี่หยองแหนมเนือง (P’Yong Namneung) ยังมี วุ้นมะพร้าวอ่อน หอม ๆ อร่อย ๆ ไว้บริการด้วย

ระหว่างที่นั่งรับประทาน จะเห็นมีลูกค้าเดินเข้าออกตลอดเวลา ถ้า ใครเยี่ยมหน้ามาดูที่หน้าประตู เห็นว่าที่นั่งเต็มหมดแล้ว ก็ยังสามารถเข้ามาได้เพราะมีถึงสามชั้นไว้บริการ หรือจะสั่งอาหารกลับไปทานที่บ้าน ที่นี่ก็บริการได้รวดเร็วทันใจ


 นอกจากนี้ยังมีบริการ Delivery ให้โทรสั่งอาหารได้ด้วย ทางร้านจะจัดส่งอาหารถึงที่ มีแค่ค่าบริการส่งตามระยะทางเพียงเล็กน้อยที่ลูกค้าจ่ายตรงกับมอเตอร์ไซค์รับจ้างเท่านั้น



การันตีคุณภาพและความอร่อยจากหลายสำนัก ร้าน พี่หยองแหนมเนือง (P’Yong Namneung) ย้ายจาก ซอยอารีย์1

ที่แฟนแน่นขนัดกันขนาดนี้ มันมีเหตุ คุณหยองยึดหลักเรื่องคุณภาพมาเป็นที่หนึ่ง เธอบอกว่าอาหารรสชาติอร่อยยังไม่สำคัญเท่าเรื่องคุณภาพของวัตถุดิบที่นำมา ประกอบอาหาร เพราะใช้ของคุณภาพดีอาหารก็อร่อยไปเอง




ผักต้องสดจริงๆ คัดเกรดเอ และล้างให้สะอาด 

พูดเรื่องผักเสียหน่อย เพราะเป็นหัวใจของอาหารเวียดนาม คุณหยองเน้นมากว่าผักจะต้องสดจริง ๆ และคัดเกรดเอมาจากตลาดสี่มุมเมืองเลยทีเดียว ไม่ใช่มาคัดเอาที่ร้านแบบใช้ครึ่งทิ้งครึ่ง เปลืองโดยใช่เหตุ ยอมซื้อมาแพงหน่อยแต่ได้ของดีมีคุณภาพ เมื่อได้ผักมาแล้ว ก็ต้องนำมาแช่ด้วยด่างทับทิม ล้างแล้วล้างอีกถึงสี่รอบ จนมั่นใจว่าเข้าปากได้ไม่มีอะไรเจือปน นั่นแหละจึงจะผ่านเกณฑ์ของคุณหยอง ลำเลียงมาเสริฟลูกค้าได้ และขายหมดทุกวันไม่มีเก็บมาขายต่ออีก

เนื้อสัตว์ก็เช่นกัน คุณหยองจะพิถีพิถันในการคัดเลือกเจ้าที่มีคุณภาพดีเท่านั้น และมาส่งที่ร้านทุกเช้าก่อนร้านเปิด ลูกค้าจึงสบายใจกับการมาทานอาหารที่นี่จนติดอกติดใจกันทุกคน สมกับที่มีการันตีออกสื่อจากหลายค่ายมาแล้ว เช่น กทม. เปิบพิสดาร มติชน ชิมไปบ่นไป อร่อยยกนิ้ว อร่อยริมทางรถไฟฟ้า ฯลฯ


ก็เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารแนะนำสำหรับผู้ที่อยู่ในย่านถนนพหลโยธิน ใกล้สะพานควาย ร้านอาหารเวียดนาม พี่หยองแหนมเนือง (P’Yong Namneung) เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 9.30 – 21.00 น. ไม่มีวันหยุด (หยุดสงกรานต์ปีละ 2 วันเท่านั้น) ท่านใดเป็นแฟนอาหารเวียดนาม ( Vietnamese Food ) เชิญได้ทุกวันตามนี้ ร้านอยู่ติดกับประตูทางออกของธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ ใกล้สี่แยกสะพานควาย จอดรถได้ที่ บ.อาคเนย์ประกันภัย หรือในออมสิน สามารถโทรสำรองโต๊ะได้ที่ 081-889 2451, 088-613 1551 และ 02-279 9398 และเยี่ยมชมเว็บไซต์ของร้านกันก่อนเพื่อเรียกน้ำย่อยได้ที่ www.peeyong.com

*** ลุ้นรับฟรีทุกเดือน บัตรรับประทานอาหาร กว่า 50 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 10,000 บาท ***

ขอขอบคุณที่มา : http://blog.finestme.com/p-yong-namneung/2555/