>> กินเม็ดบัวป้องกันมะเร็งตับ <<
เม็ดบัวเป็นแหล่งโปรตีนเช่นเดียวกับการกินถั่วเหลือง
ที่ธัญพืชพื้นบ้านชนิดนี้สร้างความฮือฮาให้ชาวโลกคือ มีการวิจัยพบว่า
เม็ดบัวมีสารแอนติออกซิแดนต์ในปริมาณสูง ซึ่งสารนี้มีคุณสมบัติหลายอย่าง เช่น ชะลอการเสื่อมของอวัยวะและผิวพรรณ
ป้องกันมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งตับ
เม็ดบัวมีประโยชน์ทางยาสูงมาก
แพทย์แผนไทย แนะนำว่า ช่วยบำรุงกำลัง
แก้โรคข้อต่างๆ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ
ส่วนแพทย์แผนจีนบอกว่า ช่วยบำรุงไต ม้าม หัวใจ
และตับซึ่งตรงกับงานวิจัยในต่างประเทศที่ระบุว่า
“สารแอนติออกซิแดนต์จะช่วยปกป้องและบำรุงตับ
โดยเฉพาะตับที่ต้องขับสารแอฟลาท็อกซิน(Aflatoxin) ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดมะเร็งตับออกจากร่างกาย
การกินเม็ดบัวจึงสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งได้”
เม็ดบัวไทย-จีน ความเหมือนที่แตกต่าง :
การเลือกกิน เม็ดบัวส่วนใหญ่ที่เราเห็นทั่วไป
จะเป็นสินค้าที่นำเข้าจากประเทศจีนซึ่งจะมีเมล็ดขนาดใหญ่ ผ่านการกะเทาะเปลือก
ดึงดีบัว(ต้นอ่อนที่ฝังอยู่กลางเมล็ดมีสีเขียวเข้ม)ออก และอบแห้งแล้ว
ส่วนเม็ดบัวไทยนั้นไม่ค่อยพบวางจำหน่ายในท้องตลาด
เนื่องจากมีเมล็ดเล็ก จึงไม่เป็นที่นิยม
แต่จากผลการวิจัยของ อาจารย์ปริญดา
ที่ศึกษาเปรียบเทียบปริมาณสารแอนติออกซิแดนต์ในเม็ดบัวไทยและจีนพบว่า
เม็ดบัวไทยมีปริมาณสารแอนติออกซิแดนต์สูงกว่าเม็ดบัวจีน
5-6 เท่า อาจารย์ปริญดาจึงแนะนำว่า
ถ้าต้องการให้ร่างกายได้รับสารแอนติออกซิแดนต์ปริมาณสูงควรเลือกกินเม็ดบัวไทยดีกว่า
โดยเฉพาะเม็ดบัวไทยสด
วิธีกินคือ ลอกเปลือกออกจากเมล็ด
โดยไม่ดึงเยื่อหุ้มเมล็ดและดีบัวออก กินสดๆทั้งเมล็ดจะทำให้ร่างกายได้รับวิตามิน
แร่ธาตุ และสารต้านมะเร็งซึ่งอยู่บริเวณเยื่อหุ้มเมล็ด และดีบัวในปริมาณสูง
ส่วนชนิดอบแห้งนั้น เรานำมาทำอาหารคาวหวานได้หลากหลาย
ที่คุ้นเคยกันดี คือ น้ำอาร์ซี เม็ดบัวต้มน้ำตาลทรายแดง ผสมในเต้าฮวย หรือเต้าทึง
ข้าวอบใบบัว เป็นต้น
ส่วนเคล็ดลับการเลือกซื้อให้ได้ของสดใหม่
คุณภาพดีมีดังนี้ค่ะ
ชนิดอบแห้ง :
1. ควรเลือกเมล็ดที่มีสีเหลืองนวล ถ้ามีสีเหลืองเข้ม
แสดงว่าเป็นเม็ดบัวเก่าที่เก็บไว้นานแล้ว เมล็ดไม่แตกหัก
และไม่มีฝุ่นละอองปนเปื้อน
2. ขั้วเมล็ดไม่ดำคล้ำ
เพราะจะเป็นเมล็ดที่เก็บไว้นานแล้ว
3. ไม่มีกลิ่นสาบหรือเหม็นหื่น
ชนิดฝักสด :
เลือกฝักที่มีเมล็ดขนาดใหญ่ สีเขียวอ่อน
จะได้เม็ดบัวที่มีเนื้อกรอบ หวานกำลังดี
คราวนี้ถ้าเจอฝักบัวสดในตลาดอย่าลืมซื้อติดไม้ติดมือมาคนละสองสามกำนะคะ ^^
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
: นิตยสารชีวจิต
: ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น