การล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์มาจากภาษาอังกฤษคือคำว่า Holocaust ซึ่งมารากศัพท์มาจากภาษากรีกคือ Holokauston ซึ่งแปลว่า สิ่งบูชาต่อพระเจ้าที่ถูกเผาอย่างหมดสิ้น ซึ่งเป็นพิธีกรรมที่แพร่หลายในสมัยกรีกโรมัน หรือของยิวเอง ต่อมาในกลางศตวรรษที่ 19 คำๆ ก็เปลี่ยนความหมายเป็น ความหายนะหรือ การสังหารหมู่ ความหมายอันสมบูรณ์ของคำว่า Holocaust ก็คือ "ความพยายามที่ถูกวางแผนอย่างรัดกุมและตั้งใจที่จะกำจัดกลุ่มทางเชื้อชาติกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งให้หมดไปจากโลก" (An intentional and meticulously planned attempt to entirely eradicate the target groups based on ethnicity)
คำสัญญาว่าจะกำจัดชาวยิว (และคอมมิวนิสต์)เป็นสิ่งที่ทำให้ฮิตเลอร์ได้ขึ้นครองอำนาจ เพราะเยอรมันได้ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจเพราะพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่หนึ่งและยังต้องเสียค่าปฏิกรณ์สงครามเป็นจำนวนมาก ฮิตเลอร์จึงคิดหาแพะรับบาป (Scape Goat) ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์อันไม่น่าชื่นชมเหล่านั้นเพื่อแรงสนับสนุนจากชาวเยอรมัน นั่นคือพวกนายทุนชาวยิวเป็นผู้ขูดรีดขูดเนื้อชาวเยอรมัน ประกอบกับกระแสต่อต้านยิว (Anti-semiticหรือ Anti-jews) ซึ่งกำลังมาแรงในยุโรปอันสืบเนื่องมาจากการเห็นซับซ้อนว่าพวกยิวยังเป็นพวกบอล เชวิคที่นำโดยเลนินเปลี่ยนแปลงการปกครองของรัสเซียมาเป็นคอมมิวนิสต์ในปี 1917 (เพราะชาวยุโรปกลัวคอมมิวนิสต์)
ฮิตเลอร์ยังได้รับการสนับสนุนจากพวกนายทุนชาวเยอรมันที่ต้องการริบเอาทรัพย์สินของพวกนายทุนยิวมาเป็นของตัวเอง ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นที่ประหลาดใจว่าชาวยิวเยอรมันจะถูกสาป (doomed to death) ตั้งแต่ฮิตเลอร์เริ่มได้รับการ Heil Hitler !! จากคนเยอรมันคนแรกแล้ว
Kristallnacht หรือ Night of the broken glass ถือได้ว่าเป็นการเปิดขวดยาพิษของพวกนาซีให้ชาวยิวได้ดื่มกินกัน นั่นคือแผนการโจมตีอย่างรุนแรงของนาซีที่มีต่อชาวยิวในเยอรมันและออสเตรีย ในคืนวันที่ 9 พฤศจิกายน 1938 (จนไปถึงเช้าของอีกวัน) เหตุการณ์นี้ถือได้ว่าเป็นปฐมบทแห่งการล้างเผ่าพันธุ์ยิวเลยก็ว่าได้
การพาพวกยิวซึ่งไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เข้าค่ายกักกันจะมีกรรมวิธีค่อยเป็นค่อยไป ในตอนแรกทางการเยอรมันก็จะออกกฏหมายจำกัดสิทธิของพวกยิวก่อน ไม่ว่าการรับการแบ่งปันอาหารอันน้อยนิด หรือการกำหนดพื้นที่ในการสัญจรของชาวยิวแต่ละคน (ซึ่งจะเหมือนกันทุกประเทศที่เยอรมันเข้าไปยึดครอง) ดังในเรื่อง The Pianist ที่ทางการเยอรมันให้พวกยิวใส่ปลอกแขนเป็นรูปดาวน้ำเงินของ เดวิด (The blue star of David)เป็นรูปหกแฉก เพื่อแยกชาวยิวออกจากคนเชื้อสายอื่น จากนั้นก็ห้ามคนยิวเข้าไปที่ร้านอาหารหรือโรงมโหรสพต่างๆ (รวมไปถึงสุนัข) หรือแม้แต่ห้ามเดินบนฟุตบาต จากนั้นก็ขยับไปอีกระดับหนึ่งคือการกวาดต้อนชาวยิวเข้าไปในที่แคบๆอันมีชื่อว่า Ghetto เพื่อรอการตัดสินใจอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลเยอรมันว่าจะทำอย่างไรดี (จะฆ่าทันทีหรือว่าใช้งานเยี่ยงทาสเสียก่อน)
พวกเยอรมันหาวิธีการฆ่าอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดวัสดุ อุปกรณ์ อยู่หลายปีดีดัก ไม่ว่าจะเป็นการฆ่าพวกเดียวกันเองที่พิการทางสมองหรือร่างกายหรือปรปักษ์ทางการเมืองรวมไปถึงพวกยิวรุ่นแรกๆ เช่นให้เหยื่อยืนเรียงแถวกันแล้วใช้ยิงปืนนัดเดียวเพื่อให้กระสุนทะลุคนข้างหน้าไปโดนคนข้างหลัง วิธีนี้ได้ผลพอใช้ (ดังจะดูได้ในหนังเรื่อง Schindler's list ที่ออสก้ากับเพื่อนหญิงขี่ม้าไปพบกับการสังหารหมู่ชาวยิวโดยบังเอิญจึงทำให้เขาสงสารและหาทางช่วยเหลือชาวยิว) นอกจากนี้พวกนาซียังหันมาใช้ระเบิด Dynamite แต่ไม่ค่อยมีคนตาย ส่วนใหญ่จะแขนขาด ขาขาดจนต้องเก็บตกโดยใช้ปืนกลยิงซ้ำ (เปลืองกระสุนอีกแล้ว) หรือให้ชาวยิวเข้าห้องแล้วอัดควันไอเสียให้คนเหล่านั้นสำลักตาย (วิธีนี้เป็นวิธีเดียวกับที่คนญี่ปุ่นในปัจจุบันชอบใช้ฆ่าตัวตาย) ก็ไม่ค่อยได้ผลเพราะใช้เวลานานเกินไป และต้องใช้รถบรรทุกคันใหญ่ๆ
จำนวนผู้เสียชีวิตยังเป็นที่ถกเถียงกันแต่พอจะคาดคะเนจำนวนได้ดังต่อไปนี้
พวกยิวประมาณ 5.1?6.0 ล้านคน รวมถึงพวกยิวที่มีเชื้อสายโปแลนด์ 3.0?3.5 ล้านศพ
ที่มา : http://www.gracezone.org/index.php/other-knowlage-christian/241-2009-01-21-16-56-13
เรียบเรียงโดย SD / Tonan Asia Autotech
แหล่งรวมสินค้า อุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือวัดขนาดเล็ก เครื่องมือทดสอบขนาดใหญ่ สินค้าที่ใช้ในโรงงาน พร้อมทั้ง อลูมิเนียมโปรไฟล์ อุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ เช่นโคมไฟแว่นขยาย และอื่นๆอีกมากมาย
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
-
“Lost Stars” Please don’t see just a boy caught up in dreams and fantasies ได้โปรดอย่ามองเห็นผมเป็นเพียงแค่เด็กชายที่หลงไหลอยู่ในโลกแ...
-
Dial Gauge (นาฬิกาวัด) การใช้นาฬิกาวัดชนิดมาตรฐานและชนิดคาน ภาพที่ 8.10 ขาตั้งนาฬิกาวัด นาฬิกาวัดทั้ง 2 ชนิดไม่สามารถจะใช้ได้เองโด...
-
ใบวัดมุม (Bevel Protractor) 7.1.1 ลักษณะส่วนประกอบของใบวัดมุม ลักษณะงานที่ใช้วัดด้วยใบวัดมุม การผลิตชิ้นงานให้ได้ขนาดตามแบบกำหนดบางครั้งจะ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น