วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

"การแปรงฟัน" คุณเข้าใจกันมากน้อยแค่ไหน?/ ADMIN - SJ (TONAN ASIA AUTOTECH)

"" เรื่องที่ทุกคนทำกันเป็กปกติทุกวัน แต่คุณเข้าใจกันมากแค่ไหนว่าทำไมเราต้องแปรง และการแปรงที่ถูกต้องเป็นอย่างไร มาเช็คกัน


1. แปรงฟันเพื่อกำจัดเศษอาหาร จริงหรือ
เป้าหมายของการแปรงฟันมี 2 ประการคือ เพื่อกำจัดแผ่นคราบจุลินทรีย์ (คราบพลัค) และเป็นการพาฟลูออไรด์ในยาสีฟัน ให้สัมผัสกับผิวฟันเพื่อป้องก้นฟันผุ หากลองไม่แปรงฟันสัก 3-5 วัน แล้วตรวจดูที่ผิวฟัน จะเห็นว่ามีคราบเหลืองๆ เหนียวๆ ติดอยู่ที่ฟันเกือบทุกซี่ คราบเหล่านี้ไม่ใช่เศษอาหาร แต่เป็นคราบที่ประกอบไปด้วยเชื้อโรคจำนวนมาก เป็นเชื้อโรคที่เมื่อสะสมอยู่นานๆ ก็จะปล่อยสารพิษออกมาทำลายเหงือกให้เหงือกป่วยหรือที่เราว่าเหงือกอักเสบ และจะทำให้ฟันบริเวณนั้นผุอีกด้วย ดั้งนั้น เราควรจะแปรงฟันอย่างตั้งใจเพื่อกำจัดแผ่นคราบจุลินทรีย์ออกให้หมดอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง สำหรับคนที่แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ควรจะเลือกสัก 1 ครั้ง (แนะนำให้เป็นช่วงก่อนนอน) ที่ต้องแปรงฟันอย่างประณีตเพื่อกำจัดเอาแผ่นคราบจุลินทรีย์ออก
2. ทำไมต้องแปรงฟันด้วยยาสีฟันฟลูออไรด์นาน 2 นาที วันละ 2 ครั้ง
จากงานวิจัยยอมรับกันว่า ต้องให้ฟลูออไรด์สัมผัสกับผิวฟัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง จึงจะป้องกันฟันผุได้ดี นี่เป็นเหตุผลที่เราต้องแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง อีกประการหนึ่งที่จะทำให้ฟลูออไรด์ในยาสีฟันออกฤทธิ์ป้องกันฟันผุได้เต็มประสิทธิภาพ จะต้องแปรงฟันให้นานอย่างน้อย 2 นาที เพื่อให้มีเวลาพอที่ฟลูออไรด์จะไปจับบนผิวฟันได้แน่นหนาและทั่วถึง ถ้าใช้เวลาแปรงฟันสั้นมาก ฟลูออไรด์ยังไม่ได้ทันจะสัมผัสกับผิวฟันก็ถูกบ้วนออกมา ประสิทธิภาพการป้องกันฟันผุก็จะลดลง
3. ควรบ้วนน้ำหลังแปรงฟันครั้งเดียวหรือหลายครั้ง
ควรจะบ้วนน้ำหลังแปรงฟันเพียงครั้งเดียว เนื่องจากมีงานวิจัยพบว่า ถ้าบ้วนน้ำหลายๆ ครั้งจนหมดแก้วประสิทธิภาพการป้องกันฟันผุจะลดน้อยลง เมื่อเทียบกับการบ้วนน้ำเพียงครั้งเดียว แนะนำให้ใช้วิธีบ้วนฟองออกก่อนโดยไม่ต้องใช้น้ำ เมื่อฟองหมดแล้วจึงบ้วนน้ำตามเพียงครั้งเดียว ทดลองทำดูสักพักก็จะคุ้นเคย ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้น หลังแปรงฟันด้วยยาสีฟันฟลูออไรด์แล้ว ไม่ดื่มน้ำหรือกินอาหารใดๆ นาน 30 นาที ทั้งนี้เพื่อให้ฟลูออไรด์ได้ออกฤทธิ์ป้องกันฟันผุได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ถูกชะล้างออกไป
4. แปรงฟันบ่อยๆ ไม่ทำให้ฟันสึก
ฟันสึกไม่เกี่ยวกับการแปรงฟันบ่อยเกินไป เพราะไม่ว่าจะแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง หรือ 4 ครั้งอาจทำให้ฟันสึกหรือไม่ก็ได้ สาเหตุที่แท้จริงของการสึกของฟัน (ที่คอฟัน) มาจากการใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงแข็งและแปรงฟันแรงเกินไป ยิ่งถ้าใช้ยาสีฟันที่มีผงขัดหยาบ เช่น ยาสีฟันที่ใช้เฉพาะผู้สูบบุหรี่หรือยาสีฟันชนิดผงก็จะทำให้สึกเร็วขึ้นไปอีก
5. จำเป็นหรือไม่ที่ต้องแปรงลิ้นหลังแปรงฟันทุกวัน
การแปรงลิ้นมีเป้าหมายในเพี่อกำจัดเชื้อโรคบนลิ้น ซึ่งถ้ามีเชื้อโรคอยู่บนหลังลิ้นมากๆ ก็จะสังเกตเห็นได้เป็นฝ้าขาวหรือฝ้าเหลือง บนหลังลิ้นค่อนไปทางโคนลิ้น การมีฝ้าขาวบนลิ้นเป็นสาเหตุหลักในการทำให้เกิดกลิ่นปาก ดังนั้น การแปรงลิ้นจะทำให้ลดกลิ่นปากได้
6. ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปรงสีฟันทุก 3 เดือน
เกณฑ์ที่ใช้ในการเปลี่ยนแปรงสีฟัน คือ จะเปลี่ยนแปรงสีฟันเมื่อขนแปรงบาน เนื่องจากขนแปรงที่บานจะกำจัดแผ่นคราบจุลินทรีย์ได้ไม่ดี ทำให้แปรงฟันได้ไม่สะอาด นอกจากนี้ขนแปรงที่บานอาจจะบาดเหงือกด้วยซ้ำไป
7. ถ้าแปรงฟันแล้วเลือดออก ต้องพยายามอย่าแปรงให้เลือดออกอีก


การที่มีเลือดออกเวลาแปรงฟันเกิดมาจากเหงือกบริเวณนั้นมีการอักเสบ เนื่องจากมีแผ่นคราบจุลินทรีย์เกาะอยู่ที่คอฟันใกล้กับเหงือกอยู่เป็นระยะเวลานานๆ คราบจุลินทรีย์เหล่านี้จะปล่อยสารพิษที่ทำให้เหงือกอักเสบ ถ้าอยากให้เหงือกหายเป็นปกติ ไม่มีอาการอักเสบ ก็ต้องกำจัดเอาแผ่นคราบจุลินทรีย์ออกให้หมด โดยทั่วไปถ้าแปรงฟันแล้วเลือดออกบริเวณใด ให้แปรงฟันบริเวณนั้นให้มากๆ แปรงให้ถึงคอฟัน และให้รู้สึกว่าขนแปรงสัมผัสกับเหงือกใน 1-2 วันแรกจะมีเลือดออกเวลาแปรงฟันแต่จะน้อยลงเรื่อยๆ และเมื่อเข้าสู่วันที่ 3 จะมีไม่เลือดออกเวลาที่แปรงฟันอีกต่อไป เพราะเหงือกบริเวณนั้นเริ่มหายเป็นปกติแล้ว


ข้อมูลจาก ทพ.ดร.ธงชัย วชิรโรจน์ไพศาล คณะทันตแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น